เช็คคุณสมบัติ-ลักษณะต้องห้าม 'เลือกตั้งเทศบาล' ฝ่าฝืนปรับ 2 แสน-คุกสูงสุด 10 ปี

เช็คคุณสมบัติ-ลักษณะต้องห้าม 'เลือกตั้งเทศบาล' ฝ่าฝืนปรับ 2 แสน-คุกสูงสุด 10 ปี

"กกต." เตือนผู้สมัครเลือกตั้ง สมาชิกสภาเทศบาล-นายกเทศมนตรี หากขาดคุณสมบัติลงมีโทษทั้งจำ-ปรับ-เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี

วันที่ 9 .. สำนักงานการเลือกตั้ง(กกต.) เผยแพร่เอกสารข่าว กกต.มีเนื้อหาระบุว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ได้ประกาศกำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี โดยกำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 28 มีนคม 2564 เป็นวันเลือกตั้ง และวันที่ 8-12 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นวันรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี นั้น

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอน้นย้ำว่ผู้สมัครรับลือกตั้งจะต้องตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่ ..2562 ประกอบพระราชบัญญัติเทศบาล ..2496 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 14) ..2562 ทั้งนี้ผู้สดรรับเลือกตั้งจะต้องยื่นเอกสารหลักฐานการสมัคร ภายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรับสมัคร โดยพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ..2562 ตามมาตรา 120 ได้บัญญัติไว้ว่า

"ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือ มีลักษณะต้องห้ามในการสครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,00 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี"

161284212856

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคุณสมบัติผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี มีดังนี้

1.มีสัญชาติไทยโดยการเกิด

2.เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาล ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง สำหรับผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง

3.มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเทศบาลที่สมัครรับเลือกตั้งในวันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปีนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง

4.ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาเทศบาล ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา(เฉพาะผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี)

ส่วนลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง มีดังนี้

1.ติดยาเสพติดให้โทษ

2.เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต

3.เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด

4.เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามมาตรา 39 (เป็นภิกษุสามเณรนักพรตหรือนักบวช, อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดหรือไม่, วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ)

5.อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

6.ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล

7.เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

8.เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ

9.เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

10.เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุตว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนักกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน

11.เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง

12.เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ

13.เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น

14.เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ

15.เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ

16.อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

17.เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

18.ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่ว่าจะได้รับโทษหรือไม่โดยได้พ้นโทษหรือต้องคำพิพากษามายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี

19.เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี มายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง

20.อยู่ในระหว่างถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นตามมาตรา 42 หรือตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ..

21.เคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากการถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจนถึงวันเลือกตั้ง

22.เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นส..หรือรับเลือกเป็นส.. หรือเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น