SONIC ปักธงลุยโลจิสติกส์ครบวงจร ชูโมเดล‘โลจิสซิ่ง’หนุนธุรกิจหลักโตแข็งแกร่ง

SONIC ปักธงลุยโลจิสติกส์ครบวงจร ชูโมเดล‘โลจิสซิ่ง’หนุนธุรกิจหลักโตแข็งแกร่ง

SONIC กางแผนปี 2564 ปักธงลุยธุรกิจโลจิสติกส์เต็มสูบ พร้อมรุกปล่อยสินเชื่อรถหัวลากภายใต้โมเดล “โลจิสซิ่ง” หนุนธุรกิจหลักเติบโตแข็งแกร่ง ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อให้กับพันธมิตรมูลค่า 200 ล้านบาท เผยปีนี้คาดรายได้โต 20% รับอานิสงส์ ส่งออกฟื้น

   ดร.สันติสุข โฆษิอาภานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซนิค อินเตอร์เฟรท จำกัด (มหาชน) หรือ SONIC เปิดเผยว่า ในปี 2564 การดำเนินธุรกิจของบริษัทเติบโตตามภาพรวมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และภาคการส่งออก ซึ่งบริษัทก็พร้อมให้บริการขนส่งแบบครบวงจรทั้งทางบก ทางอากาศ และทางทะเล โดยคาดว่ารายได้จะเติบโตประมาณ20%

    ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการขนส่งทางทะเล 65% ทางบก 30% และทางอากาศ 5% ซึ่งปีนี้บริษัทจะพยายามเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการขนส่งทางอากาศให้มากขึ้น เนื่องจากเป็นช่องทางการขนส่งที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูง

    นอกจากนี้บริษัทยังได้ให้ความสำคัญกับการรุกธุรกิจปล่อยสินเชื่อรถหัวลากให้กับพันธมิตร ซึ่งการดำเนินธุรกิจดังกล่าวมีความแตกต่างจากผู้ประกอบการเช่าซื้อรายอื่น   ภายใต้โมเดลโลจิสซิ่ง”(โลจิสติกส์+ลิสซิ่ง) ซึ่งโมเดลดังกล่าวนอกจากจะทำให้บริษัทมีรายได้จากอัตราดอกเบี้ยการปล่อยสินเชื่อแล้ว ยังจะช่วยต่อยอดการดำเนินงานหลักของกลุ่ม SONIC ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เพราะลูกค้าที่มาขอสินเชื่อรถหัวลากก็จะถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งบริษัทจะมีงานขนส่งสินค้ารองรับให้กับลูกค้าที่มาขอสินเชื่อควบคู่ไปด้วย

    ​ดร.สันติสุข กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อรถหัวลากจำนวน 10 คันต่อ เดือน ในวงเงินทั้งปีประมาณ150-200 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 30 คัน 

   และตั้งเป้าในอีก 2 ปีข้างหน้าจะเพิ่มการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อประมาณ 300 คัน ในวงเงินประมาณ 900 ล้านบาท ซึ่งบริษัทประเมินว่าธุรกิจโลจิสติกส์ ยังมีช่องทางในการเติบโตสูง  และในปีนี้ความต้องการสินเชื่อสำหรับออกรถใหม่เพื่อให้บริการกลุ่มโลจิสติกส์ยังมีความอีกมาก

    สำหรับทิศทางธุรกิจโลจิสติกส์ปี 2564 คาดจะเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มของธุรกิจการนำเข้าส่งออก ทีมีปริมาณความต้องการตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากปัญหาสถานการณ์โควิด 19 ทำให้แต่ละประเทศมีมาตรการเข้มงวดในการตรวจเช็ค จึงทำให้เกิดความล่าช้า และมีการตกค้างของตู้คอนเทนเนอร์ ส่งผลให้ตู้คอนเทนเนอร์หายาก และมีต้นทุนสูง บริษัทจึงเตรียมความพร้อมเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ  

    โดยการสั่งเพิ่มรถหัวลากอีก 40 คัน เพื่อความรวดเร็วในการขนส่ง และเตรียมพื้นที่กว่า 21 ไร่ เพื่อรองรับการรับฝากตู้คอนเทนเนอร์