XO - ซื้อ

XO - ซื้อ

คาดกำไร 4Q63 อ่อนตัว QoQ แต่ปี 64 เติบโตต่อเนื่อง

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

  • รายงานกำไร 9M63 เติบโต 92% YoY จากรายได้เติบโต 25% : บริษัทมีรายได้ 9M63 เท่ากับ 957 ลบ. +25%YoY โดยเติบโตจากตลาดยุโรปเป็นหลักเนื่องจากประชาชนมีการซื้อวัตถุดิบเพิ่มขึ้นเพื่อประกอบอาหารเองในช่วงล็อกดาวน์ ขณะที่ยอดขายในประเทศอังกฤษค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นจากปีก่อนหลังเปลี่ยนผู้จัดจำหน่ายรายใหม่แต่กว่าจะมียอดขายใกล้เคียงกับปี 2561 ที่ราว 200 ลบ. คาดว่าจะใช้เวลาอีก 1-2 ปี ขณะที่ %GPM ปรับดีขึ้นมาที่ระดับ 6% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 36.7% เนื่องจากเกิด Economies of scales ในการผลิตและบริษัทได้ทำสัญญาซื้อกระเทียมและน้ำตาลทรายล่วงหน้าไปจนถึงกลางปี 2564 ด้านสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายปรับตัวลงจาก 21.0%ของยอดขายในปี 62 สู่ 14.6% เนื่องจากไม่มีการออกงานแสดงสินค้าและการปันส่วนค่าเสื่อมราคาของโรงงานเป็นค่าใช้จ่ายบริหารลดลงหลังโรงงานใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ บริษัทรายงานกำไร 9M63 ที่ 236 ลบ. +92%YoY และคิดเป็น 74% ของประมาณการ
  • คาดผลประกอบการ 4Q63 อ่อนตัวลง QoQ แต่เติบโต YoY : ฝ่ายวิจัยคาดว่ารายได้ 4Q63 จะอ่อนตัวลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนสู่ 320 ลบ. ลดลง 7% QoQ เนื่องจากอุปทานเรือขนส่งขาดแคลน (กระทบรายได้บริษัทราว 3% จากปกติที่ระดับ 1%) ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอ่อนตัวเล็กน้อยสู่ 41-42% จากระดับ 14% ในไตรมาสก่อน ส่งผลให้เราคาดกำไรสุทธิราว 80-85 ลบ.หดตัว 12-16%QoQ แต่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อน
  • ปรับเพิ่มกำไรปี 63 และ 64 สู่ 317 และ 361 ลบ.: ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 63 และ 64 จาก 242 ลบ. และ 253 ลบ.สู่ 317 ลบ. และ 336 ลบ.เติบโต 130% และ 6% ตามลำดับ โดยได้แรงหนุนจากการแพร่ระบาดของ COVID ในยุโรปที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้หลายประเทศประกาศ ล็อกดาวน์รอบ 2 นอกจากนี้บริษัทมีการจ่ายค่า Listing fee ในประเทศแถบยุโรปเพื่อให้สินค้าของบริษัทมีการกระจายได้ครอบคลุมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้หากกลยุทธ์ดังกล่าวประสบความสำเร็จจะปรับใช้กับภูมิภาคอื่นเพิ่มเติม ด้านต้นทุนการผลิตบริษัทได้ล็อกราคาน้ำตาล กระเทียม และพริกไว้จนถึงปลายปี 64 ทำให้คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะทรงตัวในระดับ 40-42% ได้เช่นเดียวกับปี 63
  • คงคำแนะนำ “ซื้อพร้อมปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 64 ที่ 15.00 บาท : ฝ่ายวิจัยประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี Prospective PE ที่ระดับ PE ราว 19 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย PE Ratio ย้อนหลัง 1 ปี พร้อมปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 64 ที่ 15.00 บาท ซึ่งราคาปิดล่าสุดต่ำกว่าราคาเหมาะสมจึงคงแนะนำ ซื้อ

ความเสี่ยง

  1. ราคาวัตถุดิบปรับตัวขึ้น
  2. ค่าเงินบาทแข็งค่า

     3. การแพร่ระบาดโควิด-19 สิ้นสุดลง