BAY ทุ่ม 8.5พันล้าน ลงทุนดิจิทัล เล็งดันเงินติดล้อเข้าเทรดสิ้นปีนี้

     นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) หรือ BAY กล่าวว่า สำหรับการดำเนินธุรกิจปี 2564 ยังมีความไม่แน่นอน จากไวรัสโคโรนา สายพันธ์ใหม่หรือโควิด-19 รอบใหม่ ธนาคารยังคงเร่งให้การช่วยเหลือลูกค้าควบคู่ไปกับการรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้แข็งแกร่งต่อเนื่อง รวมถึงบริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ

    ทั้งนี้ ด้านเป้าหมายการดำเนินงาน ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อจะเติบโตในระดับ 3-5% โดยจะเน้นสินเชื่อรายใหญ่เป็นหลัก โดยตั้งเป้าหมายสินเชื่อนี้ไว้ที่ 5-6% ส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอีและรายย่อยตั้งเป้าหมายที่ 3-4%

    ขณะที่ด้านส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิปีนี้ที่ 3.1 – 3.3% ส่วนการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา และอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2.7%

    พร้อมกันนี้ ธนาคารยังคงตั้งสำรองฯในระดับสูงแต่น้อยกว่าปีที่แล้ว เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด-19 เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2/2564 พร้อมผลักดันธุรกิจดิจิทัล โดยวางงบลงทุนด้านดิจิทัลนับจากปีนี้ไปเฉลี่ยต่อปีที่ 8,000-8,500 ล้านบาท

    สำหรับแผนการดำเนินงานธุรกิจระยะกลาง ปี 2564-2566 โดยจะมุ่งเป็นสถาบันการเงินไทยที่เป็นหนึ่งในใจลูกค้าทั่วอาเซียน พร้อมเชื่อมโยงทุกความต้องการด้านการเงินทั้งภายในประเทศและต่างประเทศอย่างครอบคลุมทั่วภูมิภาค

โดยธนาคารจะเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจด้วย 5 กลยุทธ์หลัก 1.คือ การปฏิรูปธุรกิจลูกค้ารายย่อยให้เป็นหนึ่งเดียว 2.การเสริมสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจด้านลูกค้าธุรกิจ 3.การสร้างระบบนิเวศน์และพันธมิตรทางธุรกิจ 4. การขยายธุรกิจสู่ระบบภูมิภาคอาเซียน 5. สร้างรายได้จากธุรกิจใหม่

    ส่วนแผนการนำบริษัทเงินติดล้อ จำกัด ธุรกิจในเครือเข้า ระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ล่าสุดได้มีการยื่นขอเสนอซื้อขายครั้งแรก (IPO) กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2563 ที่ผ่านมา

   โดยคาดว่ากลางปีก.ล.ต.น่าจะอนุมัติ ดังนั้นคาดว่าจะสามารถนำบริษัทเงินติดล้อ เข้าระดมทุนได้เร็วสุดได้ในปลายปี 2564 หรือช้าสุดไม่เกินกลางปี2565

    "ราคา IPO ยังอยู่ระหว่างพิจารณา ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดและความต้องของนักลงทุนเป็นหลัก ส่วนการถือหุ้นเงินติดล้อในอนาคต หากมีการเปลี่ยนแปลงคาดว่ากรุงศรี จะลดสัดส่วนถือหุ้นลงมาแต่ไม่ต่ำกว่า30% จากวันนี้ที่50%