5 เรื่องที่ควรทำ ที่ท่านอาจจะยังไม่ได้ทำ

5 เรื่องที่ควรทำ ที่ท่านอาจจะยังไม่ได้ทำ

ทบทวน 5 เรื่องที่ควรทำในช่วงต้นปี ที่หลายคนอาจยังไม่ทำเพื่อเตรียมตัวและจัดการวางแผนสำหรับปี 2564 ทั้งการเตรียมตัวยื่นภาษี การวางแผนค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ประจำปี ตรวจสอบวันหมดอายุของเอกสารทางการต่างๆ อัพเดตพอร์ตการลงทุน รวมถึงการย้ายโรงพยาบาลประกันสังคม

สวัสดีครับทุกท่าน เป็นอย่างไรบ้างครับ ผ่านปีใหม่มาแล้ว 1 เดือน เวลาผ่านไปเร็วมากเลยใช่มั้ยครับ หลายๆ ท่านที่เคยตั้ง New year resolution เอาไว้ คงได้เริ่มหยิบกลับมาทบทวนกันไปแล้ว ว่าที่ผ่านมา 1 เดือน เราได้ทำอะไรเข้าใกล้เป้าหมายที่ตั้งใจไว้บาง

วันนี้ ผมมีผู้เชี่ยวชาญในด้านการวางแผนการเงินของบริษัท Wealth Creation International Co., Ltd. คุณปิติพงษ์ รุ่งเรืองวุฒิกุล CFP® จะมาเล่าให้ทุกท่านฟังครับ ว่านอกเหนือจากเป้าหมายที่ทุกท่านตั้งไว้แล้ว ยังมีอะไรบ้างในปีนี้ ที่ทุกท่านต้องลองกลับมาวางแผนและลงมือทำบ้าง ปีนี้น่าจะเป็นปีที่ค่อนข้างวุ่นวายพอสมควรอันเป็นผลมาจากสถานการณ์โรคระบาดใช่มั้ยครับ

ถึงแม้จะยุ่งมากแค่ไหนอย่างไร เรื่องของการวางแผน การจัดการทางการเงิน ก็คงจะเป็นเรื่องที่ปล่อยปละละเลยไม่ได้ และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้ท่านผู้อ่าน จึงขอนำสรุป 5 เรื่องที่เราควรจะทำแต่ยังไม่ได้ทำในเดือนมกราคม มาแบ่งปันให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ เพื่อจะได้เตรียมตัวและจัดการวางแผนสำหรับปีนี้ครับ

สิ่งแรกนั่นก็คือการเตรียมตัวยื่นภาษี โดยที่ถึงแม้ว่าปีนี้ทางกรมสรรพากรจะขยายระยะเวลาในการยื่นภาษีจากเดิมสำหรับการยื่นภาษีออนไลน์วันสุดท้ายคือวันที่ 8 เม.ย.2564 เป็น 30 มิ.ย.2564 แล้วก็ตาม หากท่านเป็นผู้ที่ถูกหักภาษีไว้เกิน การยื่นภาษีเสียแต่เนิ่นๆ จะทำให้เราได้รับภาษีคืน เพื่อนำเงินคืนภาษีมาบริหารการเงินส่วนต่างๆ ต่อไปได้ ส่วนสำหรับท่าน ต้องเสียภาษีเพิ่มเติม ก็จะได้มีความพร้อมทั้งเอกสารและข้อมูลที่จะทำการส่งให้สรรพากรได้อย่างถูกต้อง ทันกำหนดการวันสุดท้ายนั่นเอง ไม่ต้องมาปวดหัวในการรีบหาเอกสารต่างๆ ในช่วงใกล้หมดเขตยื่นภาษี และจะได้วางแผนการชำระภาษีด้วยเช่นกันครับ

และนอกจากการเตรียมยื่นภาษีของปี 2563 แล้วนั้นก็อย่าลืมที่จะวางแผนภาษีสำหรับปี 2564 ไปด้วยกันเลยครับ โดยเริ่มจากการประเมินรายได้ที่จะได้รับในปี 2564 เพื่อที่จะคำนวณภาษีที่จะต้องเสียในปี 2564 นี้ แล้วจึงพิจารณาว่าจะลดหย่อนภาษีด้วยวิธีใด หากจะต้องลงทุนใน SSF หรือ RMF ก็จะได้ทยอยซื้อด้วยเงินจำนวนเท่าๆกันในแต่ละเดือน เพื่อลดความผันผวนของผลตอบแทนที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะดีกว่าไปลงทุนทีเดียวในช่วงปลายปีครับ

ถัดมาเรื่องที่ 2 ที่เราอยากจะเตือนทุกท่านก็คือในส่วนของการเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคมของตัวท่านเอง เนื่องจากโดยปกติแล้วนั้น เราจะสามารถเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคมของเราได้เพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้นในช่วง 1 ม.ค.-31 มี.ค. ของทุกปี เว้นแต่ว่าจะเป็นการย้ายสถานที่ทำงาน ซึ่งจะต้องทำการแจ้งเปลี่ยนภายใน 30 วันนับตั้งแต่เริ่มย้ายงาน โดยหลักการในการพิจารณาเลือกโรงพยาบาลสำหรับประกันสังคมนั้น ให้พิจารณาจากทำเลที่ตั้งที่เราเดินทางสะดวก และมาตรฐานคุณภาพของสถานพยาบาล เป็นหลักครับ

เรื่องที่ 3 ที่เราควรจะทำให้เรียบร้อยเสียตั้งแต่เดือนแรกของปี นั่นก็คือ การวางแผนค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ประจำปี เช่น ค่าเบี้ยประกันชีวิต ค่าเบี้ยประกันสุขภาพ ค่าเบี้ยประกันรถ เป็นต้น โดยเริ่มจากการจดบันทึกลงปฏิทินว่าจะมีค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่ต้องชำระในเดือนไหน เป็นจำนวนเท่าไรบ้าง เบี้ยแต่ละตัวมีการปรับขึ้นหรือไม่อย่างไร นอกจากการวางแผนค่าใช้จ่ายจะช่วยให้เราไม่พลาดในการเตรียมเงินไว้ชำระได้ตรงตามเวลาแล้วนั้น ยังช่วยให้เรามีเวลาพิจารณา ปรับเปลี่ยน ปรับปรุง ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย

เรื่องที่ 4 ที่เราควรจะให้ความสำคัญนั้นก็คือ การตรวจสอบวันหมดอายุของเอกสารทางการต่างๆ ที่เรามีอยู่ครับ ไม่ว่าจะเป็น ใบขับขี่ พาสปอร์ต บัตรประชาชน หรือใบอนุญาตต่างๆ เป็นต้น เนื่องจากสถานการณ์ Covid-19 อาจทำให้ขั้นตอนการต่ออายุต่างๆ ใช้เวลามากขึ้น เราจะได้วางแผนจัดการเวลาไปดำเนินการได้ดีขึ้นครับ

และเรื่องสุดท้ายที่เราอยากแนะนำให้ผู้อ่านทุกท่านทำให้เรียบร้อยตั้งแต่เดือนมกราคมนั้นก็คือ การรีวิว และอัพเดตพอร์ตการลงทุนของท่านให้เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2564 นั่นเองครับ เนื่องด้วยเพราะพอร์ตกลยุทธ์การลงทุนที่ท่านสร้างเอาไว้สำหรับปี 2563 นั้นอาจจะไม่เหมาะกับ สถานการณ์ลงทุนในปี 2564 แล้วนั่นเอง โดยอาจจะเริ่มจากการศึกษาบทวิเคราะห์จากสถาบันการลงทุนต่างๆหลายๆสถาบัน เพื่อนำมาพิจารณาจัดพอร์ตการลงทุนในปี 2564 อย่างเหมาะสม แต่หากท่านไม่มีเวลาในการศึกษา การเลือกใช้บริการที่ปรึกษาทางการเงินก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยท่านประหยัดเวลาได้เป็นอย่างมากควบคู่ไปกับการจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสมอีกด้วยครับ