ความกังวลแรงขายหุ้นเพื่อปิดสถานะชอร์ตลดลง

ความกังวลแรงขายหุ้นเพื่อปิดสถานะชอร์ตลดลง

ความกังวลขายหุ้นเพื่อปิดสถานะขายชอร์ตลดลง แต่ยังควรจับตาการแข็งค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

แม้การรวมตัวของนักลงทุนรายย่อยเพื่อร่วมเก็งกำไรจะกระจายไปยังประเทศต่างๆ และในสินทรัพย์อื่นๆ แต่ความผันผวนและแรงกระเพื่อมคาดไม่มากเท่ากับกรณีหุ้น GameStop (GME) ที่กองทุนและเฮดจ์ฟันด์บริหารความเสี่ยงผิดพลาดจนทำให้สถานะการชอร์ตโดยรวมสูงกว่าหุ้นหมุนเวียน จนทำให้เกิดโอกาสในการไล่หุ้นเพื่อบีบให้ปิดสถานะชอร์ต (Short squeeze) ทั้งนี้แรงกดดันจากการขายหุ้นเพื่อนำเงินไปซื้อหุ้นคืน และทำการปิดสถานะขายชอร์ต (Degrossing) น่าจะผ่านจุดที่กดดันที่สุดไปแล้ว ดังนั้นตลาดน่าจะเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติและกลับมาโฟกัสยังข้อมูลทางเศรษฐกิจ รวมถึงผลประกอบการ

รัฐประหารในพม่า คาดมีผลกระทบต่อบจ.ไทยจำกัด กองทัพหม่าทำการยึดอำนาจปกครองและควบคุมตัวผู้นำฝ่ายพลเรือน เราคาดผลกระทบทางพื้นฐานมีจำกัด อย่างไรก็ตามอาจมีผลกระทบทางจิตวิทยาต่อหุ้นที่มีธุรกิจ/รายได้จากพม่าในระดับ 10% ของรายได้ อาทิ PTTEP, OSP, CBG ขณะที่หุ้นอื่นๆ อาทิ BBL, KBANK, SCB, MEGA, SCC, PTTOR (Amazon), BJC มีผลกระทบจำกัด

ภาพรวมยังเป็นการหมุนอยู่ในหุ้นกลุ่มนำตลาดเดิม การฟื้นตัววานนี้นำโดยกลุ่มปิโตรเคมี จากการรายงานส่วนต่างผลิตภัณฑ์ (spread) ที่ยังแข็งแกร่ง โดย 1) Asia integrated PTA/PET อยู่ที่ $197/ton ลดลง 4% WoW แต่ยังถือเป็นระดับที่ดีกับ IVL 2) HDPE spread อยู่ที้ $548/ton ทรงตัวจากสัปดาห์ก่อน ดีกับ SCC 3) ราคาเม็ดพลาสติก HDPE ทรงตัวระดับสุงดีกับ PTTGC และ 4) PP spread ทรงตัวแถว $713/ton ดีกับ IRPC สำหรับกลุ่มการเงิน ฟื้นตัวจากแนวโน้มผลประกอบการหุ้นหลายตัวที่น่าจะออกมาดี หรือจากปัจจัยเฉพาะตัว (อาทิ CHAYO และ AUCT มีความร่วมมือทางธุรกิจ) ประกอบกับมีแรงเก็งกำไรลุ้นการลดดอเบี้ยก่อนการประชุมกนง. อย่างไรก็ตามเราคาดกนง.จะคงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม 3 ก.พ.นี้

คงมุมมองบวกภาพระยะกลาง ขณะที่ระยะสั้นเลือกเก็งกำไรรายตัว ด้วยสภาพคล่องในระบบที่ยังอยู่ในระดับสูง และไม่ได้มีการส่งสัญญาณใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวจากธนาคารกลางขนาดใหญ่ทำให้เราคงมุมมองบวกต่อภาพระยะกลาง อย่างไรก็ตามความเสี่ยงจากการแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐฯ และการขายพันธบัตรเพื่อใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจกดดันต่อเงินทุนไหลออกระยะสั้น และทำให้บรรยากาศการเก็งกำไรช่วงสั้นจะกลับมายังหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีปัจจัยเฉพาะตัวและไม่พึ่งเม็ดเงินต่างชาติ

ภาพรวมกลยุทธ์ แกว่งตัว 1,450-1,500 จุด โดยยังเป็นการหมุนในกลุ่มนำตลาด ปิโตรเคมี, การเงิน, ธนาคาร โดยติดตามความผันผวนจากการแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐฯ   // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร SPALI, TNP*, TKS*

แนวรับ 1,450 จุด / แนวต้าน : 1,500 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

 

ประเด็นการลงทุน

US Manufacturing PMI พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์. IHS markit เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต เดือน ม.ค. ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 59.2 ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บข้อมูลในปี 2550

ตั้งเป้ายอดลงทุน EEC ปี 64 วงเงิน 3 แสนลบ. โต 50% yoy. ปี 64 รัฐบาลตั้งเป้าขอรับส่งเสริมการลงทุนนพื้นที่เขต EEC วงเงินรวม 3 แสนล้าน เพิ่มขึ้น 50% yoy ขณะที่ กบอ.เผยพร้อมส่งมอบพื้นที่รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เดือน ก.ย.นี้

หอการค้าเสนอคลังชะลอ LTV พร้อมฟื้นบ้านดีมีดาวน์. หอการค้าไทยเสรอคลังชะลอใช้มาตรการ LTC ชั่วคราว และฟื้นโครงการบ้านดีมีดาวน์ ลดภาระผ่อนดาวน์ 5 หมื่นบาท เพื่อกระตุ้นภาคอสังหาฯ

BTS. BTS ร่อนหนังสือถึง กทม. ทวงหนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวหลังไม่ยอมจ่ายกว่า 8.8 พันลบ. พร้อมให้จ่ายหนี้ค่าซื้อระบบการเดินรถอีกกว่า 2 หมื่นลบ. ภายใน 40 วัน ขู่หยุดเดินรถ

ประเด็นติดตาม: - 2 ก.พ. : EU GDP 4Q63 // 3 ก.พ. : ประชุม กนง. // 4 ก.พ. : TH Consumer Confidence เดือน ม.ค., BOE meeting, US Employment Report

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)