MAJOR - ซื้อ

MAJOR - ซื้อ

ประมาณการ 4Q63: คาดว่าจะยังขาดทุนหลักเล็กน้อย

Event

ประมาณการ 4Q63

lmpact

คาดว่าจะยังคงขาดทุนหลักใน 4Q63 แต่จะขาดทุนในจำนวนที่น้อยลง QoQ

เราคาดว่า MAJOR จะมีผลขาดทุนหลัก 33 ล้านบาทใน 4Q63 จากที่ขาดทุนหลัก 119 ล้านบาทใน 3Q63 แต่แย่ลงจากที่มีกำไรหลัก 125 ล้านบาทใน 4Q62 โดยผลประกอบการที่ดีขึ้น QoQ คาดจะมาจาก i) รายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็น 1.3 พันล้านบาท (+49% QoQ) จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นในเกือบทุกธุรกิจ โดยเฉพาะโรงภาพยนตร์ จากความสำเร็จของภาพยนตร์ไทย “อีเรียมซิ่ง” และ ii) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 4% QoQ แต่เมื่อเทียบ YoY เราคาดว่าผลประกอบการหลักจะถูกกดดันจากรายได้ที่ลดลงถึง 65% YoY เนื่องจากจำนวนผู้ชมภาพยนตร์ลดลงตามจำนวนภาพยนตร์จากฮอลลีวู้ด

ผลประกอบการ 1Q64 จะถูกกระทบจาก COVID-19

เราคาดว่าผลประกอบการของ MAJOR ใน 1Q64 จะแย่ลงทั้ง QoQ และ YoY จากการที่ COVID-19 กลับมาระบาดอีกครั้ง ซึ่งจะกดดันรายได้จากธุรกิจโรงภาพยนตร์ของบริษัทจากการที่ i) จำนวนผู้ชมภาพยนตร์ลดลงเพราะผู้คนหลีกเลี่ยงการใช้เวลานอกบ้านในช่วงที่เกิดโรคระบาด และ ii) บริษัทนำมาตรการ 2 ที่นั่งเว้นว่าง 2 ที่นั่งกลับมาใช้อีกครั้งตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2563 และ iii) ไม่มีภาพยนตร์ใหม่เข้าฉายในเดือนมกราคม 2564

คงประมาณการกำไรหลักปี 2564 เอาไว้ตามเดิม

คาดบริษัทจะมีผลขาดทุนหลักโดยรวมในปี 2563 ที่ 649 ล้านบาท ซึ่งจะดีกว่าประมาณการของเราที่คาดว่าจะมีผลขาดทุนหลัก 755 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเรายังคงประมาณการกำไรหลักในปี 2564 เอาไว้ที่ 941 ล้านบาท เนื่องจากเรามองว่าแนวโน้มธุรกิจโรงภาพยนตร์ของบริษัทยังดูไม่ดีนักใน 1Q64 แต่เรา
คาดว่าบริษัทน่าจะกลับมามีกำไรได้ตั้งแต่ 2Q64 เป็นต้นไป เนื่องจาก i) สถานการณ์ COVID-19 น่าจะคลี่คลายลงใน 2Q64 ii) คาดว่าจะมีโปรแกรมหนังเด็ดจากฮอลลีวู้ด เข้าฉายในช่วง 2Q64 – 4Q64 อย่างเช่น “The Fast and the Furious 9”, “No Time To Die”, “Black Widow”, “Jungle Cruise” และ “Matrix 4” และ iii) มีจำนวนภาพยนตร์ไทยที่ตรงกลุ่มเป้ าหมายในแต่ละภาคมากขึ้น

Valuation & Action

เรายังคงราคาเป้าหมายปี 2564 เอาไว้ที่ 22.20 บาท โดยอิง PER ที่ 21.1 เท่า (-0.25 S.D.) และยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” MAJOR

Risks

รายได้จากธุรกิจโรงภาพยนตร์ต่ำกว่าที่คาดไว้