ลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนองแค่พยุงอสังหาฯ เล็งหารือรมว.คลังผุดมาตรการเยียวยาเพิ่ม

ลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนองแค่พยุงอสังหาฯ เล็งหารือรมว.คลังผุดมาตรการเยียวยาเพิ่ม

อธิป พีชานนท์ ระบุมาตรลดค่าธรรมเนียมโอน จดจำนองอสังหาฯช่วยกระตุ้นอารมณ์ซื้อ แต่ยังไม่แรงพอกระตุ้นตลาดฟื้นตัว จำเป็นต้องมีมาตรการเสริม เตรียมหารือรมว.คลัง ออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่ม

นายอธิป พีชานนท์ ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ระบุว่า การที่ครม.มีมิติลดอัตราจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรอบปี 64 ลง 90% และให้จัดเก็บจริงเพียง 10% ครอบคลุมที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย ทำการเกษตร ที่ดินว่างเปล่า และใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ อุตสาหกรรมหรืออื่นๆ ต่อระยะเวลาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอีก 1 ปี เพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิดนั้น เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระทั้งประชาชนและผู้ประกอบการโดยรวมลงไป แต่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจอสังหาฯ ถือเป็นการลดภาระ แทนที่นำเงินมาจ่ายภาษีเอาไปจับจ่ายใช้สอยสิ่งที่จำเป็นได้ดีขึ้น จะทำให้ระบบเศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียนต่อไป ถือว่าเป็นประโยชน์

ส่วนขยายมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนซื้ออสังหาริมทรัพย์ สำหรับราคาบ้านไม่เกิน 3 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และลดค่าใช้จ่ายของประชาชนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย โดยจะลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์และห้องชุดจากเดิม 2% ของราคาประเมินทุนทรัพย์เหลือ 0.01% จะช่วยผู้ที่กำลังจะซื้อบ้านกับผู้จะโอนกรรมสิทธิ์ แบ่งเบาภาระลงไป เช่นบ้านราคา 1 ล้านบาท ลดลงไป 2 หมื่นบาท ถือว่าเยอะ

“ทุกครั้งที่มีวิกฤติเศรษฐกิจ การลดค่าธรรมเนียมการโอนซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้นรัฐบาลชุดก่อนๆ ก็นำมาเพื่อช่วยกระตุ้นให้คนตัดสินใจโอนและซื้อได้ง่ายขึ้น เพราะช่วยลดภาระได้พอสมควร ถ้าซื้อบ้าน 3 ล้านบาทสามารถลดไปได้ถึง 9 หมื่นบาท จากเดิมที่ไม่มีอารมณ์ที่จะซื้อ”

ยังกระตุ้นไม่พอเล็งขอคลังชะลอแอลทีวี

อย่างไรก็ตาม มาตรการที่ออกมายังไม่มากพอที่จะช่วยกระตุ้นให้ตลาดอสังหาฯ ฟื้นกลับมาเป็นบวกได้ เพราะว่า ยังมีปัจจัยลบทั้งในเรื่องของกำลังซื้อ ที่ได้รับผลกระทบจากรายได้ที่ลดลง หรือบางคนถึงขั้นตกงาน เพราะบางธุรกิจต้องปิดกิจการชั่วคราว ทำให้ไม่มีกำลังซื้อ ส่วนกลุ่มคนที่พอมีกำลังซื้อก็กล้าๆ กลัวๆ เพราะไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจและรายได้ของตนเองในอนาคต และไม่แน่ใจว่าจะกู้ผ่านหรือไม่ เพราะธนาคารมีมาตรการที่เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อทำให้จำนวนคนที่กู้ผ่านน้อยลง

“มาตรการที่ออกมาจึงยังไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นตลาดได้เต็มที่100% แต่อย่างน้อยยังดีกว่าไม่มี แทนที่จะทรุด มาตรการที่ออกมาจะช่วยพยุงตลาดแต่การที่ดันให้เติบโตคงไม่ได้ในนาทีนี้ เพราะจำเป็นต้องมีองค์ประกอบอื่นเข้ามาทั้งการส่งออก การท่องเที่ยว เศรษฐกิจต่างประเทศจะฟื้นไหม”

จากภาพรวมดังกล่าว ทำให้จำเป็นต้องมีมาตรการเสริมเข้ามาช่วยตลาดอสังหาฯ เพิ่ม ซึ่งตนจะเข้าพบ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อหารือถึงมาตรการเสริมที่จะช่วยเหลือ อาทิ การยกเลิกหรือชะลอมาตรการแอลทีวีออกไปก่อน การสานต่อโครงการบ้านดีมีดาวน์ การขอสินเชื่อ (soft loan) สำหรับที่อยู่อาศัยจากสินเชื่อที่เหลืออยู่ 3.7 แสนล้านบาท แบ่งบางส่วนมาให้คนซื้อบ้านที่มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง สามารถใช้ได้ เป็นต้น