แผนฟื้นฟู ขสมก. กับความหวังพลิกกิจการใน 7 ปี

แผนฟื้นฟู ขสมก. กับความหวังพลิกกิจการใน 7 ปี

แผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่ขณะนี้กระทรวงคมนาคมมีความมั่นใจว่าจะผลักดันเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ภายในเดือน ก.พ.นี

ภายหลังจากที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ส่งเรื่องแผนฟื้นฟู ขสมก. กลับมายังกระทรวงคมนาคม เพื่อให้พิจารณาเพิ่มเติม อีกทั้งมอบการบ้านให้กระทรวงคมนาคมจัดทำแผนลงทุนเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) โดยปัจจุบัน สศช.ออกมาระบุแล้วว่าไม่ได้คัดค้าน

เจาะลึกถึงแผนฟื้นฟูฉบับนี้ จะมีการเสนอขอความเห็นชอบใน 7 ประเด็น

1.ปฏิรูประบบรถรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดที่มีเส้นทางต่อเนื่อง โดยมีโครงข่ายหลัก จำนวน 162 เส้นทาง และให้ ขสมก.บริหารจัดการเดินรถตามแผนฟื้นฟูฉบับปรับปรุงใหม่ ทั้งนี้ ให้ ขบ. พิจารณาปรับปรุงเส้นทางให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ให้ครอบคลุมพื้นที่และเชื่อมต่อกับระบบขนส่งในอนาคตต่อไป

2.ให้ ขสมก. มีสิทธิ์ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งในเส้นทางที่มีการกำหนดใหม่หรือเส้นทางเดินรถที่มีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ก่อนผู้ประกอบการขนส่งรายอื่น ในกรณีที่ ขสมก.ไม่ประสงค์เดินรถในเส้นทางดังกล่าว ให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) อนุมัติจากคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ประกาศรับคำขอเป็นการทั่วไป

3.นโยบายการกำหนดอัตราค่าโดยสาร ให้ ขสมก.จัดเก็บเป็นอัตราเดียว (Single price) ในอัตรา 30 บาทต่อคนต่อวันไม่จำกัดจำนวนเที่ยว โดยในอนาคตอาจปรับเพิ่มหรือลดอัตราค่าโดยสารเพื่อให้เหมาะสม กับสถานการณ์และภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

4.เสนอขอทบทวนมติ ครม. เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.2562 ที่เห็นชอบในหลักการของแผน ฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ฉบับเดิม) เป็นเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ฉบับปรับปรุงใหม่) โดยให้ ขสมก. เช่ารถโดยสารไฟฟ้า (EV) จำนวน 2,511 คัน และจ้างเอกชน เดินรถให้บริการ (รถโดยสารไฟฟ้า (EV) หรือรถโดยสาร NGV จำนวน 1,500 คัน

5.อนุมัติให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 สำหรับโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด 

6.อนุมัติในหลักการให้รัฐบาลรับภาระหนี้สินของ ขสมก. โดยจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อชำระคืนต้นเงินกู้ของ ขสมก. เมื่อ Ebitda เป็นบวก ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2563 เป็นต้นไป 

7.อนุมัติหลักการเพื่อขอสนับสนุนเงินอุดหนุนจากภาครัฐ จำนวน 7 ปี โดยเป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง

161191149448

           

ขณะที่ผลการดำเนินงานของ ขสมก.จากการตรวจสอบพบว่ามีการขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2519 จนกระทั่งปัจจุบันในปี 2564 โดยมีผลขาดทุนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละกว่า 360 ล้านบาท และยังมีภาระหนี้สินจากการออกพันธบัตร และหนี้เงินกู้ รวมกว่า 1.27 แสนล้านบาท อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมา ขสมก.ต้องรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล ในเรื่องของเงินอุดหนุนบริการสาธารณะอย่างต่อเนื่อง

โดยที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการอนุมัติตามที่กระทรวงการคลัง เสนอการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะของ ขสมก. รวมกว่า 2.47 พันล้านบาท แบ่งเป็น

  1. การปรับปรุงวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2563 จากวงเงินเดิม 1,775.653 ล้านบาท เป็น 1,917.380 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 141.727 ล้านบาท) ตามมติคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ครั้งที่ 2/2563 เมื่อวันที่ 16 ก.ย.2563
  2. กรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 จำนวน 2,338.266 ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2563 และครั้งที่ 2/2563 เมื่อวันที่ 16 ก.ย.2563

           

ด้วยภาระหนี้สินของ ขสมก.และเงินงบประมาณที่รัฐตต้องนำไปอุดหนุนอย่างต่อเนื่อง ปฏิเสธไม่ได้ว่าแผนฟื้นฟูกิจการที่อยู่ระหว่างผลักดันครั้งนี้ อาจเป็นอีกหนึ่งความหวังที่จะช่วยพลิกฟื้นกิจการ ตามคำกล่าวของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่มีความมั่นใจถึงผลการดำเนินงานด้วยว่า “ปัจจุบัน ขสมก.มีปัญหาสถานะทางการเงิน มีหนี้สะสม 1.27 แสนล้านบาท ซึ่งตามแผนฟื้นฟู ขสมก.จะขอรับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลรวม 9,674 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 7 ปีเริ่มตั้งแต่ปี 2565-2571 เพื่อให้ ขสมก.เลี้ยงตัวเองได้ โดยตั้งเป้าว่าตั้งแต่ปี 2572 ขสมก. จะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น โดยมี EBITDA เป็นบวก