SVI - ถือ

SVI - ถือ

ประมาณการ 4Q63: กำไรจะเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ

Event

ประมาณการ 4Q63 และแนวโน้มในปี 2564

Impcat

ประมาณการ 4Q63: กำไรจะเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ SVI ใน 4Q63 จะอยู่ที่ 135 ล้านบาท (+375% YoY, -46% QoQ) ทำให้กำไรสุทธิปี 2563 อยู่ที่ 720 ล้านบาท (+94% YoY) ซึ่งเป็นไปตามประมาณการกำไรปี 2563 ของเรา โดยกำไรที่เพิ่มขึ้น YoY ใน 4Q63 จะมาจาก i) ยอดขายในสกุลดอลลาร์ฯ เพิ่มขึ้น 23% YoY เพราะได้รับคำสั่งซื้อใหม่ ๆ และ ii) อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 3.7ppts จากการที่เงินบาทอ่อนค่าลง 2.3% YoY ในขณะเดียวกัน กำไรที่ลดลง QoQ จะมาจาก i) ยอดขายในสกุลดอลลาร์ฯ ลดลงจากปัจจัยฤดูกาล และ ii) อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเนื่องจากเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทั้งนี้ เราคิดว่ายอดขายในปี 2563 น่าจะอยู่ที่ 500 ล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าของบริษัทที่ตั้งไว้ที่ 520 ล้านดอลลาร์ฯ

แนวโน้มปี 2564: ขึ้นตามกระแสโลก

เราคาดว่ายอดขายของ SVI จะได้แรงส่งด้านบวก และได้อานิสงส์จากวัฏจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรมหลังจากที่ยอดขาย semiconductors โดยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (ยอดขายของ SVI มีสหสัมพันธ์กับยอดขาย semiconductors โลกอยู่ที่ประมาณ 0.8) ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 2564 เอาไว้ประมาณ 600
ล้านดอลลาร์ และตั้งเป้ าอัตรากำไรขั้นต้นเอาไว้ที่ประมาณ 8.5% โดยจะขยายพอร์ตธุรกิจไปยังกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับกระแสโลกเพิ่มขึ้น (อย่างเช่น networking) ถึงแม้ว่าสถานการณ์ IC ขาดแคลนในปัจจุบันจะยังไม่น่ากระทบกับการดำเนินงานของ SVI ใน 1Q64 เพราะบริษัทยังมีสต็อกเพียงพอ (ใน 3Q63 บริษัทมี inventory day สูงถึง 82 วัน) แต่เรามองว่าอาจจะทำให้บริษัททำยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2564 ได้ตามเป้ายากขึ้น (บริษัทบอกว่าสามารถส่งผ่านผลกระทบของต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปให้ลูกค้าได้ประมาณ 85%) ดังนั้น เราจึงทบทวนและปรับสมมติฐานของเราใหม่ (ยอดขาย, อัตรากำไรขั้นต้น, และ อัตราแลกเปลี่ยน: Figure 4) ทำให้เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ลงอีก 7% และปี 2565 ลงอีก 1%

Valuation & Action

เรายังคงมองว่าอุตสาหกรรมจะยังคงอยู่ในขาขึ้นต่อไปจากกระแส 5G, AI, และ IoT ซึ่งทำให้เรายังคง PER เอาไว้ที่ 17.0X (ค่าเฉลี่ยในอดีตของ HANA +1.0 S.D.) เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 เพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มระยะยาวที่ 5.40 บาท จากเดิมที่ 4.70 บาท อย่างไรก็ตาม เนื่องจากราคาปิดล่าสุดไม่เหลือ upside แล้ว เราจึงยังคงคำแนะนำ "ถือ"

Risks

ภัยธรรมชาติ, มีการปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น, ขาดแคลนวัตถุดิบ, เงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2564-65 ที่ 29.50 บาท/ดอลลาร์ฯ), และความล่าช้าในกระบวนการทดสอบสินค้า