HANA - ขาย

HANA - ขาย

ประมาณการ 4Q63: กำไรจากธุรกิจหลักจะลด YoY แต่เพิ่ม QoQ

Event

ประมาณการ 4Q63 และแนวโน้มปี 2564

lmpact

ประมาณการ 4Q63: กำไรจากธุรกิจหลักจะลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ

เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของ HANA ใน 4Q63 จะอยู่ที่ 451 ล้านบาท (-1% YoY แต่ +24% QoQ) เนื่องจากยอดขายฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ทั่วโลกผ่อนคลายมาตรการ lockdown และมีการระบายสินค้าในสต็อกออกไปเรียบร้อยแล้ว (International Data Corporation (IDC) ประเมินว่ายอดส่งออก smartphone จะโต 2.4% YoY ใน 4Q63 จากการผลักดันเทคโนโลยี 5G) ซึ่งจะทำให้กำไรจากธุรกิจหลักของ HANA ในปี 2563 อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท (+16% YoY) และเป็นไปตามประมาณการของเรา โดยเราคาดว่ายอดขายใน 4Q63 จะอยู่ที่ 165 ล้านดอลลาร์ฯ (+2%YoY, +7%QoQ) ซึ่งจะช่วยหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 13.3% ดังนั้น เราจึงคาดว่ายอดขายในปี 2563 จะอยู่ที่ 610 ล้านดอลลาร์ฯ (ลดลง 7% YoY) และอัตรากำไรขั้นต้นปี 2563 จะอยู่ที่ 13.9% (+2.4ppts YoY) ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการของเราทั้งคู่

แนวโน้มปี 2564: ขยับตามวัฎจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรม

เราคาดว่าวัฎจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนโดย 5G, AI, และ IoT จะดำเนินต่อไปในปี 2564 โดยได้แรงหนุนจาก i) ยอดขาย semiconductors โลกที่เพิ่มขึ้น 7% YoY ในเดือนพฤศจิกายน 2563 (โตต่อเนื่อง YoY ติดต่อกันเป็นเดือนที่สิบ) เป็น 3.94 หมื่นล้านดอลลาร์ ii) IDC ประเมินยอดส่งออก
smartphone จะโต 4.4% YoY ในปี 2564 จากการผลักดันเทคโนโลยี 5G iii) KGI Taiwan ประเมินวา่อัตราการใช้งาน (penetration rate) 5G จะพุ่งขึ้นจาก 17% ในปี 2563 เป็น 36% ในปี 2564 เราคาดว่าปัญหาการขาดแคลน Chip จะส่งผลกระทบกับคำสั่งซื้อของ HANA ไม่มากนัก เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจที่กำลังบูมในช่วงที่ COVID-19 ระบาด ทำให้ต้องกวาดซื้อ Chip (ในช่วงที่ผู้ผลิตรถยนต์ต้องปิดโรงงาน) ดังนั้น เราจึงคาดว่าคำสั่งซื้อของ HANA จะบูมไปด้วย เพราะเทคโนโลยี 5G จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ใช้โทรศัพท์จำนวนมากเปลี่ยนมาใช้ smartphone รุ่นใหม่แทนของเดิม เราได้ทบทวนและปรับสมมติฐานของเราใหม่ (ยอดขาย, GPM, และ อัตราแลกเปลี่ยน: Figure 2) ทำให้เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ลงอีก 5% แต่ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565 ขึ้นอีก 6% เนื่องจากเราคาดว่ายอดขายที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งจะมีน้ำหนักมากกว่าค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น

Valuation & Action

ถึงแม้ว่าเราจะขยับไปใช้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ 45 บาท จากเดิมที่ 40 บาท โดยอิงจาก PER เท่าเดิมที่ 18.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีต +2.0 S.D.) แต่ราคาปิดล่าสุดก็ยังมี downside อีกถึง 16% เราคิดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 3% อาจจะยังไม่เพียงพอที่จะมาช่วยชดเชยได้ ดังนั้น เราจึงปรับลด
คำแนะนำจาก "ถือ" เป็น "ขาย"

Risks

ภัยธรรมชาติ, มีการปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น, ขาดแคลนวัตถุดิบ, เงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2564-65 ที่ 29.50 บาท/ดอลลาร์ฯ)