งามไส้! หนุ่มร่อนทองในลำห้วย ยอมรับกุเรื่องอยากดัง

สารภาพหมดแล้วกลายเป็นเรื่องโอละพ่อ หนุ่มอ้างร่อนเจอทองในลำห้วย ยอมรับไม่ใช่ครูและกุเรื่องเพื่ออยากดัง

จากกรณีที่นายกรภัทร พรของแม่ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/44 เพชรเกษมซอย 1 ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี ได้โพสต์เฟสบุ๊คว่า ไปร่อนเจอทองในลำห้วยดอนแจง หมู่ 4 ต.ดอนตะโก อ.เมืองราชบุรี และได้นำไปให้ร้านทองตรวจสอบก็พบว่าเป็นทองคำแท้ จึงทำให้มีประชาชนที่ทราบข่าว ทั้งจากในพื้นที่อำเภอเมืองและต่างจังหวัดต่างก็พากันนำอุปกรณ์แห่ไปร่อนหาทองในลำห้วย จนทำให้ทางนายอำเภอเมือง ต้องทำการสั่งปิดพื้นที่ เนื่องจากเกรงจะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเข้าข่ายกระทำความผิด พ.ร.บ.แร่ ดังที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ม.ค.64 นายกรภัทร พรของแม่ หรือนายบี ได้ออกมายอมรับกับผู้สื่อข่าวว่า ตนนั้นไม่ได้เป็นครูอย่างที่เคยบอก แต่เป็นแค่พ่อค้าตามตลาดนัดทั่วไป

โดยขายพระเครื่องและของแปลก ส่วนเรื่องราวทั้งหมด เขาเป็นคนกุเรื่องขึ้นมา แต่มีคนอยู่เบื้องหลัง โดยนายบี บอกว่า ความจริงแล้วทองที่เขานำเอามาโชว์ เป็นทองที่เขาหามาได้จริงๆ ในคลองชลประทานดอนแจง โดยเมื่อวันที่ 9 ม.ค. ที่ผ่านมา

ตนได้ไปหาหอยที่คลองดังกล่าว แต่เผอิญเหลือบไปเห็นที่ทองคำ เลยหยิบขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นทองจริงๆ เลยตัดสินใจกลับไปที่บ้านแล้วไปเอาเครื่องตรวจจับโลหะ มาค้นหา ปรากฏว่าไปเจอพวกเศษทองรูปพรรณเพิ่มอีกหลายเม็ด เลยนำกลับมาที่บ้าน แล้วถ่ายรูปเก็บไว้หลังจากนั้นวันที่ 15 ม.ค. 64 จึงนำรูปดังกล่าวโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว และปรากฏเป็นข่าว

จึงทำให้ชาวบ้านหลายคนแห่ไปร่อนทองที่คลองชลประทาน ส่วนกรณีที่ชาวบ้านเจอพระเครื่องในคลอง เขาเองก็ยอมรับว่า เป็นคนเอาพระกับเหรียญเก่าๆ ไปโยนไว้ในคลอง เพียงแค่หวังว่าหากชาวบ้านไปเจอจะได้มีความชื่นใจ หลังจากที่เขานำเรื่องราวไปโพสต์ มีบุคคลคนหนึ่งในจังหวัดราชบุรีที่อ้างตัวเองว่าเป็นผู้สื่อข่าวทีวี ช่องหนึ่ง ประจำจังหวัดราชบุรี ได้ติดต่อเข้ามาทันที โดยผู้สื่อข่าวคนนี้เข้ามาบอกให้เขาสร้างเรื่องราว โดยให้โกหกว่า มีคนขับสิบล้อมาชี้จุดให้ ก่อนจะลงไปเจอทอง เพื่อที่จะได้สร้างความน่าเชื่อถือ พร้อมทั้งพาเขาไปออกรายการข่าว แต่ปรากฏว่าสุดท้ายถูกนักข่าวคนนี้ โกงค่าตัวเขาไป 1 หมื่นบาท จึงทำให้เขาตัดสินใจออกมายอมรับความจริงกับสื่อในวันนี้

ซึ่งนายบีได้กราบขอโทษชาวราชบุรี และทุกคนที่แห่กันไปร่อนทอง รวมทั้งขอโทษส่วนราชการทุกส่วนที่ทำให้เดือดร้อน ทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเจตนาหลอกลวงใคร เกิดจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์

ด้านนายทศพล เผื่อนอุดม นายอำเภอเมืองราชบุรี ก็บอกว่า เบื้องต้นก็ได้รับคำสารภาพจากน้องแล้วว่า เรื่องทั้งหมดนั้นก็มีทั้งจริงบ้างโกหกบ้าง เป็นความคึกคะนอง แต่เท่าที่ดูนั้นอาจจะเป็นการผิดพรบ.นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือไม่ ซึ่งจะต้องมาดูลายละเอียดกัน ซึ่งก็คงจะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งก็ได้ประสานให้ทำการสืบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริง และถ้าพบว่ามีผู้ใดเสียหายก็สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีได้ ซึ่งในเรื่องนี้ก็ไม่อยากให้ใครทำบ่อยๆเพราะมันวุ่นวายไปหมด

ยิ่งในช่วงสถานการณ์ที่ไม่ปกติก็กลัวว่าจะเกิดการติดเชื้อโรคระบาด แต่เมื่อน้องมาสารภาพแล้วก็ถือว่าดีอยากให้ทุกคนได้รับรู้ว่าอะไรเรื่องจริงเท็จ เวลาจะเสพข้อมูลข่าวสารอะไร ส่วนในพื้นที่ตอนนี้คนลดน้อยลง ซึ่งเมื่อคนรู้ความจริงแล้วเหตุการณ์ก็น่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ ส่วนในเรื่องของการยุยงปลุกปั่นนั้นจะต้องดูองค์ประกอบของความผิด ซึ่งจะต้องดูในลายละเอียดว่าจะเข้าลักษณะว่าไปทำให้ผู้ใดเสียหายหรือไม่ และตัวผู้ที่ให้ข่าวนั้นได้รับประโยชน์อะไร มีใครไปเกี่ยวข้องซึ่งก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องสอบสวนเพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฎ เพื่อให้ไม่ให้เป็นแบบอย่างกับผู้อื่น

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายบี ว่ามีนักข่าวคนที่ช่วยสร้างเรื่องในเบื้องหลังนั้น โทรมาข่มขู่ ทำให้ตอนนี้รู้สึกกลัวมาก