บลจ.วรรณ แนะลงทุนนอกเหตุหุ้นไทยยังมีดาวน์ไซด์1,300 จุด

บลจ.วรรณ แนะลงทุนนอกเหตุหุ้นไทยยังมีดาวน์ไซด์1,300 จุด

บลจ.วรรณคาดดัชนีหุ้นไทยปี 64 มีโอกาสเห็น 1,600 จุด หากวัคซีนมาในครึ่งปีแรก แต่อัพไซด์จำกัดและมีดาวน์ไซด์ ถ้าวัคซีนไม่มาตามนัด โควิด-19 ยังระบาด เศรษฐกิจยังไม่มีสัญญาณฟื้นอาจเห็น 1,300-1,400 จุด แนะกระจายการลงทุนต่างประเทศ นอกจากนี้ยังสนใจลงทุนหุ้นไอพีโอ มีโอกาสเข้า SET50

นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทคาดเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยในสิ้นปีที่ระดับประมาณ 1,600 จุด หากวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข้ามาเริ่มฉีดได้ภายในครึ่งแรกของปี แต่ถ้าต้องรอวัคซีนไปจนถึงครึ่งปีหลัง และเรายังเปิดประเทศไม่ได้ ยังมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งแน่นอนว่าภาพเช่นนี้จะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ช้าลงไปอีก ซึ่งทำให้ดัชนีสิ้นปีนี้อาจลงไปอยู่ที่ระดับ1,300 -1,400 จุด

 "ทิศทางดัชนีหุ้นไทยยังต้องดูโควิดเป็นหลัก เพราะอย่าลืมว่า กระแสเงินทุนต่างชาติเคยไหลออกจากหุ้นไทยมาแล้วเพราะเศรษฐกิจไทยเราพึ่งพิงภาคการต่างประเทศสูง บวกับ P/E เราก็สูง 25-26 เท่า ถือว่าแพง ถ้าเราได้วัคซีนภายในครึ่งปีแรกนี้ อาจเห็นดัชนีปรับขึ้นมาที่ 1,600 จุด แต่ถ้าจัดการโควิดไม่ได้ ดัชนีจะอยู่ที่ 1,400 จุด"

นายพจน์ กล่าวว่า สำหรับปีนี้บลจ.วรรณเราจะเน้นไปที่การลงทุนหุ้นโลก ,หุ้นจีน,หุ้นญี่ปุ่นและหุ้นตลาดเกิดใหม่ แต่สัดส่วนการลงทุนในหุ้นไทยยังจำเป็นต้องมีอยู่ แต่ต้องกระจายการลงทุนไปต่างประเทศด้วย

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนต่างประเทศก็ควรกระจายไปที่หุ้นกลางและหุ้นเล็ก ที่มีผลตอบแทนดีต่อเนื่อง และราคาหุ้นยังไม่ปรับขึ้นไปมาก ( Laggard ) และกระจายไปในหุ้นวัฏจักรที่ฟื้นตามเศรษฐกิจในกลุ่มไฟแนนซ์ และอีกกลุ่มที่ไม่มองข้าม คือ หุ้นกลุ่มในกลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ

ทั้งนี้ สำหรับหุ้นไทยบลจ.วรรณ ยังสนใจเข้าลงทุนหุ้น IPO อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นที่มีสินทรัพย์เกิน 1 แสนล้านบาท เนื่องจากอยู่ใน SET 50  แม้ว่าเราจะลดสัดส่วนลงทุนในหุ้นไทยเหลือ10%  ซึ่งในปัจจุบันเราลดสัดส่วนเงินสดลงมาเหลือน้อยมาก  เพื่อเน้นการเข้าลงทุนหุ้นเป็นหลักในปีนี้ แต่ให้น้ำหนักกระจายการลงทุนหุ้นทั่วโลกตามกลยุทธ์

ทางด้านจัดพอร์ตการลงทุนหลักในปี 2564 แนะนำให้น้ำหนักลงทุนในหุ้นโลก 40% (หุ้นโลก 20% ,นอกนั้นอีก 20% กระจายลงทุนในหุ้นจีน เวียดนาม อาเชียน หรือในตลาด Emerging Market) ,ลงทุนในตราสารหนี้ 40% ,ลงทุนหุ้นไทย 10% และลงทุนในกองทุนสินทรัพย์ทางเลือกอีก 10% โดยการจัดพอร์ตจะสมดุลและมีการลงทุนหุ้นในพอร์ตไม่น้อยกว่า50%

ขณะเดียวกันการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ แนะนำว่า ยังควรมีติดพอร์ตไว้ แต่ต้องเลือกลงทุนในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานที่มีอนาคตและไม่เกี่ยวข้องกับการล็อกดาวน์จากโควิด-19  เช่น เสาสัญญาณบนดินและใต้ดิน เดต้าเซ็นเตอร์ ทางด่วน ระบบขนส่งรถไฟฟ้า หรือกองทุนที่มีขนาดใหญ่สภาพคล่องสูง ศูนย์การค้า ยังสามารถลงทุนได้ด้วยราคาที่ปรับลงมาน่าสนใจ ขณะที่นักลงทุนถือกองทุนในอสังหาฯที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากโควิด-19 เช่นโรงแรม สนามบิน ออฟฟิศ ต้องระมัดระวังกลับมาพิจารณาความคุ้มค่าทั้งระยะเวลาถือกองทุนและการจ่ายปันผลได้เหมาะสมหรือไม่

    

นอกจากนี้ทางด้านการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้จะพยายามรักษาระดับสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM) ไว้ไม่ต่ำกว่าปีก่อนอยู่ที่ 150,000 บาท ขึ้นอยู่กับเงินลงทุนที่เข้าออกในปีนี้เป็นหลัก   แต่เน้นการออกกองทุนใหม่ให้กับผู้ลงทุน เน้นการลงทุนต่างประเทศ โดยภายในไตรมาสแรกปีนี้ เตรียมกองทุนหุ้นญี่ปุ่น และกองทุนโกเบิลทริกเกอร์ส่วนในไตรมาส2 นี้ คาดว่า กองทุนทางเลือกรูปแบบใหม่ นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีหลังเตรียมเปิดธุรกิจใหม่ ในเครือของบริษัท ที่สามารถทำหน้าที่ได้มากกว่าการเป็นบลจ.