‘เมืองไทย’หวังเบี้ยใหม่โต10%

‘เมืองไทย’หวังเบี้ยใหม่โต10%

“เมืองไทยประกันชีวิต” เดินหน้าธุรกิจปี 64 พร้อมรับความท้าทายหนุนกำไรโตต่อเนื่อง หลังปีก่อนปรับพอร์ตรับประกัน ขยายตลาดประกันคุ้มครอง สุขภาพ ลงทุน แทนประกันสะสมทรัพย์ หนุนเบี้ยใหม่กลับมาโต 8-10% แต่เบี้ยรับรวมยังติดลบต่ออีก 2 ปี คาดผลตอบแทนพอร์ตลงทุนปีนี้ ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนเฉลี่ยที่ 4.1%แย้มเล็งหาโอกาสลงทุนธุ

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตในปี2564 ยังเป็นปีที่ท้าทายทั้งจากปัจจัยการชะลอตัวเศรษฐกิจภายในและต่างประเทศจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ธุรกิจประกันต้องเตรียมตัวรองรับกฎเกณฑ์และกฎหมายใหม่ รวมถึงผลกระทบจากภาวะดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ

ดังนั้น แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการปรับพอร์ตรับประกันอย่างเหมาะสม การสร้างความยั่งยืนแข็งแกร่ง สร้างความพึงพอใจลูกค้าและใช้ดิจิทัลเข้ามาตอบโจทย์การวางแผนประกันชีวิตทุกช่วงชีวิต ภายใต้กลยุทธ์ปีนี้ คือ “MTL Trusted Lifetime Partner"จึงมั่นใจว่ากำไรปี2564ยังเติบโตจากปีก่อน

ส่วนเบี้ยประกันรับรวมคาดว่าจะกลับมาบวกในอีก 2 ปีข้างหน้า (ปี2566) จากปี2564 คาดว่าจะปรับตัวลดลงอยู่ที่ประมาณกว่า 7 หมื่นล้านบาท จากปี2563 ส่วนเบี้ยประกันใหม่ปีนี้จะกลับมา เติบโต8-10% ด้วยรักษาสัดส่วนพอร์ตรับประกันประเภทประกันคุ้มครอง สุขภาพและการลงทุนเป็นหลัก ในสัดส่วน 70-80% ขณะที่ประเภทสะสมทรัพย์ สัดส่วน 20-30% ซึ่งได้ลดสัดส่วนประกันสะสมทรัพย์ลงมาต่อเนื่องในปีก่อนจากผลกระทบดอกเบี้ยต่ำ

ทั้งนี้บริษัทคาดผลตอบการลงทุนในพอร์ตปีนี้อาจลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน ที่มีผลตอบแทนเฉลี่ย 4.1% ซึ่งเป็นไปตามทิศทางดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ โดยต้องติดตามทิศทางดอกเบี้ยทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด ซึ่งสิ้นปี2563 บริษัทมีสินทรัพย์ลงทุนทั้งสิ้นราว5-6แสนล้านบาท

นายสาระกล่าวถึงความคืบหน้าการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ ว่าบริษัทยังเดินหน้าต่อเนื่องในส่วนของ อาคารสำนักงานให้เช่า 66 Tower หรือ ซิคตี้ซิกส์ ทาวเวอร์ คาดก่อสร้างเสร็จภายในไตรแรกปีนี้ตามเป้าหมาย

"ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19ที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีให้เราสามารถเรียนรู้และปรับรูปแบบการเช่าสำหรับองค์กรและเอสเอ็มอีได้ตามพฤติกรรมผู้บริโภคแบบใหม่ รวมถึงสอดรับกับสถานการณ์ PM2.5 ที่นำมาเทียบเคียงทำให้คาดว่ามีอัตราการเช่าหลังโควิด-19ที่ดีได้ อย่างเช่นอาคารเมืองไทย-ภัทร ยังมีอัตราการเช่าในระดับสูงถึง90% ในปัจจุบันบริษัทยังคงมองหาโอกาสการลงทุนอสังหาฯ รูปแบบอื่น เช่น อสังหาฯสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา"