ผันผวนตามการรายงานข้อมูลทางเศรษฐกิจและผลประกอบการในแต่ละประเทศ

ผันผวนตามการรายงานข้อมูลทางเศรษฐกิจและผลประกอบการในแต่ละประเทศ

ตลาดหุ้นช่วงสั้นมีแนวโน้มเคลื่อนไหวตามผลการดำเนินงานในแต่ละประเทศ

ศุกร์ที่ผ่านมา หุ้นยุโรป ปรับตัวลดลงเนื่องเนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากผลของการปิดเมืองเนื่องจากการระบาดระลอกสองและสาม และความกังวลว่าบริษัทไฟเซอร์จะลดการส่งมอบวัคซีนลง ขณะที่สหรัฐฯ มีแรงทำกำไรระยะสั้น จากความกังวลว่าประธานาธิปดีไบเดน อาจต้องปรับลดวงเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้มาตรการผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส ทั้งนี้เรามองตลาดหุ้นช่วงสั้นจะเคลื่อนไหวตามแนวโน้มการรายงานผลประกอบการในแต่ละประเทศ โดยในไทย การรายงานผลประกอบการที่สำคัญสัปดาห์นี้ได้แก่ SCGP (26 ม.ค.) , SCC (27 ม.ค.), PTTEP (28 ม.ค.) และ DTAC (29 ม.ค.)

สรุปภาพรวมงบกลุ่มธนาคาร ธนาคารที่เราวิเคราะห์ 7 แห่ง (ไม่รวม KKP และ TCAP) รายงานกำไรก่อนการตั้งสำรองที่ 93.4 พันล้านบาท (-1% QoQ และ -11% YoY) ขณะที่รายงานกำไรสุทธิ 34.4 พันล้านบาท ฟื้นตัวขึ้น 11% QoQ จากการตั้งสำรองที่เริ่มลดลง แต่ทั้งนี้ยังคงลดลง 29% YoY จากรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง รวมถึงรายได้จากการลงทุนที่ลดลง ส่งผลให้สิ้นปี 2563 มีกำไรทั้งสิ้น 136.6 พันล้านบาท ลดลง 32.5% YoY สำหรับภาพรวมปี 2564 เราคาดกำไรสุทธิจะฟื้นตัวขึ้น 8-10% YoY จากการฟื้นตัวของรายได้ค่าธรรมเนียบม และภาระการตั้งสำรองที่ลดลง ทั้งนี้เราคงน้ำหนักการลงทุนที่เท่าตลาด (Market weight) โดยมีหุ้นที่เราชอบได้แก่ BBL, BBANK และ TISCO

ธีมการลงทุนหลักยังเป็นเรื่องของ 1) การฟื้นตัวของเศรษบกิจและการกลับมาของเงินเฟ้อ 2) การสนับสนุนพลังงานสะอาดตามนโยบายประธานาธิปดีคนใหม่ 3) การค้าโลกที่มีแนวโน้มจะฟื้นตัว หลังหมดยุคทรัมป์ ซึ่งส่งผลบวกต่อกลุ่มโภคภัณฑ์, พลังงานทดแทน และอาหาร สำหรับกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ด้วย valuation ที่แพง ทำให้การลงทุนและเก็งกำไร ต้องเพิ่มความระวังที่มากขึ้น เรายังคงชอบหุ้นรายตัวที่ได้ประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงการฟื้นตัวของกำลังการบริโภคจากต่างประเทศ (ส่งออก) อาทิ STA, AMA, TVO, TU, CPF, GFPT หรือที่มีปัจจัยบวกรายตัว อาทิ ETC, PTG, EA //สำหรับหุ้นใหญ่ในกลุ่มโภคภัณฑ์ เราชอบ PTT, PTTGC, IVL // และหุ้นลงทุนระยะยาว ทยอยสะสม SCGP, BDMS, MINT, CPALL, DCC

ภาพรวมกลยุทธ์ ยังคงมุมมองเชิงบวกระยะกลาง-ยาว อย่างไรก็ตามช่วงสั้นคาดเริ่มมีแรงทำกำไรรายตัวในหุ้นที่ปรับขึ้นมาก และอาจผันผวนจากการรายงานผลประกอบการ รวมทั้งลดความเสี่ยงการเปลี่ยนแปลงผลตอบแทนพันธบัตร ก่อนการประชุมเฟด 26-27 ม.ค. // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร BCH*, SPA*, SUPER*

แนวรับ 1,480 จุด / แนวต้าน : 1,520 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

 

ประเด็นการลงทุน

31 ม.ค.จ่อคลายล็อกดาวน์ทั่วประเทศ. กระทรวงสาธารณสุขชี้ว่าสถานการณ์โควิด-19 ระลอก 2 ในประเทศไทยเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ศบค.ชุดเล็กเตรียมถกประเมินคลายมาตรการล็อกดาวน์วันที่ 31 ม.ค. นี้

ส่งออกไทยพลิกบวก โตสูงสุดในรอบ 22 เดือน. กระทรวงพาณิชย์ รายงานตัวเลขส่งออกของไทย เดือน ธ.ค. ฟื้น +4.71% จากตลาดคาดหดตัว -1.3% ถึง -2.4% ขณะที่ ยอดนำเข้า โต 3.62% ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้า $963.58 ล้าน โดยมีอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 22 เดือน

อย.ไฟเขียวสินค้ากัญชา - อย.แจงชัดอนุญาตใช้กัญชา-กัญชงเชิงพาณิชย์แล้ว ประเดิมในเครื่องสำอาง พร้อมเร่งทยอยออกกฎหมายใช้กัญชา-กัญชง ในผลิตภัณฑ์อื่น แต่ต้องใช้วัตถุดิบในประเทศ หวังสร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจ เอกชนสนใจ CBG, DOD, DDD, ลิโพ ส่งคนร่วมอบรม

 

ประเด็นติดตาม: - 25 ม.ค. : ECB President Lagarde Speaks // 26 ม.ค. : US Consumer Confidence เดือน ม.ค. // 27 ม.ค. – ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล // 28 ม.ค. : FOMC meeting, US GDP 4Q20 // 29 ม.ค. : TH Economic Review

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)