ฮ่องกงเลิกล็อกดาวน์หลังตรวจเชื้อโควิดปชช. 7 พันราย

ฮ่องกงเลิกล็อกดาวน์หลังตรวจเชื้อโควิดปชช. 7 พันราย

ฮ่องกงเลิกล็อกดาวน์เขตเกาลูนหลังตรวจเชื้อโควิดปชช. 7 พันราย โดยในจำนวนนี้มีผู้ติดโควิด-19 เพียง 13 ราย

ทางการฮ่องกงได้ประกาศยกเลิกคำสั่งล็อกดาวน์เขตเกาลูนแล้ววันนี้ หลังจากรัฐบาลเสร็จสิ้นการตรวจหาโรคโควิด-19 กับประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวประมาณ 7,000 ราย โดยในจำนวนนี้มีผู้ติดโควิด-19 เพียง 13 ราย ซึ่งผู้ที่ได้รับการตรวจหาเชื้อนั้น ส่วนใหญ่อยู่ในย่านเหยาหม่าเต๋และจอร์แดน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีตลาดกลางคืน

การดำเนินการดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่รัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้องกว่า 3,000 ราย จาก 16 กรม ในช่วงเวลาเพียง 48 ชั่วโมง

แถลงการณ์จากรัฐบาลระบุว่า "รัฐบาลฮ่องกงหวังว่า ความไม่สะดวกสบายชั่วคราวนี้จะเข้ามาตัดวงจรการแพร่ระบาดในพื้นที่โดยสิ้นเชิง และคลายความกังวลและความหวาดกลัวของผู้อยู่อาศัย"

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังเมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา รัฐบาลฮ่องกงได้สั่งล็อกดาวน์เขตเกาลูน และบังคับให้ประชาชน 10,000 คนในเขตดังกล่าวต้องอยู่ที่บ้านจนกว่าจะได้รับการตรวจและรู้ผลการตรวจเชื้อโควิด-19

รัฐบาลฮ่องกงระบุว่า มีอาคาร 70 แห่งในเขตจอร์แดนซึ่งถูกสั่งล็อกดาวน์ และรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะเสร็จสิ้นกระบวนการตรวจและแจ้งผลการตรวจเชื้อโควิด-19 ภายในเวลาประมาณ 48 ชั่วโมง ดังนั้นประชาชนในเขตดังกล่าวจะสามารถเริ่มกลับไปทำงานได้ในวันจันทร์

สำหรับเหตุผลที่พื้นที่ดังกล่าวถูกล็อกดาวน์เป็นเพราะพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 รวมกัน 162 รายนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ทางการฮ่องกงได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการดำเนินการในวันเสาร์นับเป็นการล็อกดาวน์ครั้งแรกในฮ่องกง

นางโซเฟีย ชาน รมว.สาธารณสุขของฮ่องกงเปิดเผยในการแถลงข่าวว่า "ความเสี่ยงของการติดเชื้อในชุมชนอยู่ในระดับค่อนข้างสูง โดยหลังจากการประเมินแล้ว เราคิดว่า จำเป็นที่จะต้องประกาศล็อกดาวน์และบังคับตรวจเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการควบคุมการแพร่ระบาด"

นางแคร์รี ลัม ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เปิดเผยว่า รัฐบาลอาจมีการประกาศล็อกดาวน์พร้อมรุกตรวจหาโรคในลักษณะนี้อีกหากจำเป็น โดยรัฐบาลจะปรับปรุงวิธีการสื่อสารแผนงานให้ดีขึ้น ซึ่งรวมถึงเวลาประกาศคำสั่งหลังก่อนหน้านี้มีสื่อหลายรายได้รายงานข่าวเกี่ยวกับคำสั่งล็อกดาวน์ดังกล่าว แต่รัฐบาลกลับปิดปากเงียบจนก่อให้เกิดความสับสนมากมาย