‘วันป๊อปคอร์น’... เพื่อฉลองให้ข้าวโพดคั่ว

‘วันป๊อปคอร์น’... เพื่อฉลองให้ข้าวโพดคั่ว

วันที่ 19 มกราคม เป็น ‘วันป๊อปคอร์นแห่งชาติ’ หรือ ‘National Popcorn Day’ วันนี้ชาวอเมริกันพากันฉลองกิน ‘ข้าวโพดคั่ว’ อย่างสนุกสนาน

วันข้าวโพดคั่ว หรือ Pop Corn Day มาได้อย่างไร ยังไม่มีใครตอบได้แต่ก็คาดเดาได้ไม่ยากว่าน่าจะตั้งโดยยอเมริกันชน ที่กิน ป๊อปคอร์น หรือ ข้าวโพดคั่ว มากกว่าชนชาติใดในโลก นับตั้งแต่ชาวผิวขาวเข้ามาตั้งรกรากในอเมริกา และมีชนพื้นเมือง “อินเดียน” มาสอนปลูกข้าวโพดและบอกวิธีทำ ข้าวโพดคั่ว ให้ นับแต่นั้นเจ้าข้าวโพดคั่วก็กลายเป็นของว่างแสนอร่อย ดีต่อสุขภาพของชาวอเมริกัน เล่ากันอีกว่า น่าจะเป็นขนมหรือของว่างในวันขอบพระคุณพระเจ้าในยุคแรก ๆ ด้วย

161142792045

    (ภาพ sciencemirror.com)

ข้าวโพดคั่วมาจากเม็ดข้าวโพดดิบ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Zea Mays Linn เป็นธัญพืชที่สำคัญของโลก นักพฤกษศาสตร์จำแนกข้าวโพดเป็น 5 สายพันธุ์หลัก และชนิดที่เอามาทำข้าวโพดคั่วเรียกว่า Pop corn นั่นแหละ ลักษณะเม็ดมีหัวแหลมนิดหน่อย เรียกอีกชื่อว่า Rice corn มีอีกชนิดที่เอามาทำข้าวโพดคั่วเม็ดจะกลมกว่า เรียกว่า ข้าวโพดไข่มุก หรือ Pearl corn

161142713963

   (ภาพ wallpapercave.com)

เนื่องจากข้าวโพดเป็นธัญพืชพื้นเมืองในแถบอเมริกากลางถึงใต้ เมื่อนักสำรวจชาวสเปนเข้าไปในอเมริกากลาง ราวศตวรรษที่ 16 ได้เห็นชาวแอซเท็กซ์ (Aztecs) ตกแต่งศีรษะและเนื้อตัวด้วยข้าวโพดคั่ว ในงานเฉลิมฉลองเทพเจ้าข้าวโพด ตอนแรกพวกเขานึกว่าเป็นดอกไม้สีขาว แสดงว่าชนพื้นเมืองรู้จักทำข้าวโพดคั่วมานานแล้ว ข้าวโพดยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ ผู้คนรู้จักกินข้าวโพดมานานนับหมื่นปี ค้นพบฟอสซิลข้าวโพดในประเทศเม็กซิโกและประเทศเปรู ในยุคที่ชาวฝรั่งเศสไปตั้งอาณานิคมในอเมริกาก็ค้นพบซากฟอสซิลของข้าวโพดในถ้ำ บริเวณทะเลสาบ Great Lake  รวมถึงวิธีการทำ ข้าวโพดคั่ว โดยนำเม็ดข้าวโพดมาผ่านความร้อนทำให้ข้าวโพดแตกพองเป็นก้อนสีขาว ชาวแอซเท็กซ์เรียกว่า totopoca

ส่วนคำว่า Pop corn เริ่มใช้เมื่อยุค 1820s ก่อนหน้านั้นเมื่อชนพื้นเมืองอินเดียน สอนคนขาวทำข้าวโพดคั่ว ก็เริ่มมีพ่อค้าเร่ขายข้าวโพดคั่วไปตามถนนฝั่งตะวันออก เรียกว่า Pearl หรือ Nonpareil คำว่า “ป๊อป” มาทีหลัง เกิดจากเสียง pop pop pop!! เมื่อตอนที่เม็ดข้าวโพดแตกตัวกระเด็นกระดอน ชาวอเมริกันก็เลยเรียกข้าวโพดคั่วว่า Pop corn

161142734235

    (ภาพ National Popcorn Day)

ยุคแรก ๆ Pop corn คงจะจืด ๆ มัน ๆ และแล้ว Louis Ruckheim ก็ลองใส่ถั่วลิสงป่นผสมน้ำตาลโมลาซ (กากน้ำตาล) ลงไปเคลือบใน Pop corn ทำให้เกิดรสหวาน ๆ มัน ๆ เขานำไปขายในงานแฟร์ครั้งแรกในเมืองชิคาโก้ เสียดายที่ว่าสูตรของเขาทำน้ำตาลข้นเหนียวเกินไป แต่จากนั้นไม่นาน Pop corn ยี่ห้อ Cracker Jack จำหน่ายสู่ท้องตลาดเมื่อปี 1896  และมาโด่งดังสุด ๆ เมื่อ Charles Cretors เจ้าของร้านขายลูกกวาด คิดเครื่องทำ Pop corn ทำให้เม็ดข้าวโพดสุกด้วยไอน้ำ ในช่วงปี 1900 แล้วขน Pop corn ใส่รถม้าตระเวนขายตามท้องถนนในชิคาโก้

Pop corn กลายเป็นของกินเล่นของชาวอเมริกัน ตอนแรก ๆ ก็ทำกินกันในบ้าน พอมีเครื่องทำ Pop corn ก็หาซื้อง่ายขึ้น มีบันทึกว่า Pop corn ป๊อปปูล่าร์สุดขีดเมื่อมีผู้นำไปขายหน้าสนามกีฬา ในการแข่งขันเบสบอลระดับชาติ เมื่อปี 1908 และยี่ห้อที่ขายดีคือ Cracker Jack สูตรเคลือบคาราเมลและถั่วลิสง  แต่สูตรมาตรฐานทำกินเองที่บ้านคือ ตั้งกระทะใส่ข้าวโพดดิบลงไป ใส่น้ำตาลนิดเกลือหน่อย และใส่เนยละลายลงหรือน้ำมันเล็กน้อย ปิดฝา เม็ดข้าวโพดเมื่อถูกความร้อนมันจะกระเด้งกระดอนดัง pop pop pop!!

161142742737

    ข้าวโพดคั่วเคลือบไซรัป (ภาพ pexels.com)

เวลาต่อมา เครื่องทำ Pop corn ขนาดเล็กเข็นไปทั่วได้ ทำให้ข้าวโพดคั่วแพร่หลายสู่ทุกหนแห่ง จากสนามแข่งเบสบอลก็มาขายกันหน้าโรงหนัง และเมื่อมีเครื่องไมโครเวฟ Pop corn ก็ยิ่งทำง่าย ขนาดทหารอเมริกันไปรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ยังได้กิน Pop corn จากไมโครเวฟ ทุกวันนี้ ชาวอเมริกันกิน Pop corn มากกว่าคนชาติอื่น คือกิน 13,000 ล้านควอทซ์ (1 ควอทซ์ = 1.136 ลิตร) ต่อปี จากข้าวโพดที่ปลูกมากในมลรัฐเนบราสก้า

เคยมีผู้ทำสำรวจว่าคนอเมริกันชอบกินป๊อปคอร์นรสชาติไหนที่สุด จากผลสำรวจ 1,000 คน ตอบว่าชอบรสหวาน 40.82% รสเค็ม 37.76% และรสธรรมดา 21.43% ส่วนใหญ่กินที่บ้านราว 70% ที่เหลือ 30% กินในโรงหนัง, สนามกีฬา และที่โรงเรียน ป๊อปคอร์น ให้พลังงาน 31 กิโลแคลอรี่ ต่อ 1 ถ้วย แล้วถ้าใส่น้ำมัน เนยและน้ำตาลก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 55 กิโลแคลอรี่

161142752355

   เรด เวลเว็ท ป๊อปคอร์น (ภาพ saltandbaker.com)

ในอเมริกามีป๊อปคอร์นหลายรสชาติ รสยอดนิยมคือเคลือบเนย, ใส่เชดดาร์ชีส, รสกระเทียม, เคลือบคาราเมล, ป๊อปคอร์น เคทเทิล (kettle) คือรสดั้งเดิมทำป๊อปคอร์นในหม้อเหล็กที่เติมน้ำมันเล็กน้อย พอมันป๊อปค่อยใส่เกลือ น้ำตาล กินร้อน ๆ จะอร่อยมาก,  รสเรด เวลเว็ท (Red Velvet) ใส่เค้กเวลเว็ทสีแดง ขยี้เป็นปุย ๆ ผสมกับไวท์ช็อกโกแลต, รสซีบร้าหรือม้าลาย ใส่ไวท์ช็อกโกแลตและดาร์กช็อกโกแลต นิยมให้เป็นของขวัญวันคริสต์มาส, รสเต่าหรือ Turtle คือใส่ช็อกโกแลต คาราเมล ถั่วพีแคน และลูกกวาดน้ำตาล, ป๊อปคอร์สใส่เบคอนเคลือบคาราเมล ก็มี

161142785784

    ป๊อปคอร์นรสธรรมดา (ภาพ unsplash.com)

ป๊อปคอร์นเป็นอาหารว่างเพื่อสุขภาพเพราะทำจากธัญพืชทั้งเมล็ด (whole grain) มีวิตามินบี 1, บี 3, บี 6, ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม สังกะสี ทองแดง ฯลฯ มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์โพลีฟีนอล ช่วยปกป้องเซลล์และมีเส้นใยอาหาร มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ในยุคเศรษฐกิจตกต่ำ (Great Depression ค.ศ.1929-1939) ป๊อปคอร์นเป็นอาหารของชนทุกชั้นเนื่องจากราคาถูกและให้คุณค่าทางอาหาร แต่ถ้าเติมส่วนผสมเช่น เนย น้ำตาล มากไปก็จะได้แคลอรี่และไขมันเป็นของแถม มีทางเลือกคือกินป๊อปคอร์นเติมสมุนไพรเพื่อลดไขมันและน้ำตาล เช่น ใส่ผงอบเชย ออริกาโน โรสแมรี่ หรือโรยชีสพาร์เมซานนิดหน่อยก็อร่อยได้

  161142760976

   (ภาพ wallpapercave.com)

161142769090

   วันคาราเมล ป๊อปคอร์น แห่งชาติ ตรงกับวันที่ 6 เมษายน

แล้ว วันป๊อปคอร์นแห่งชาติ มาได้ยังไง บางคนบอกว่าเริ่มตั้งเมื่อปี 2014 ชาวอเมริกันผู้เป็นพ่อค้าหัวใส และต้องการส่งผ่านวัฒนธรรมอาหารของตัวเองสู่ทั่วโลก ชอบก่อตั้ง “วันอาหารประจำชาติ” นอกจากวันป๊อปคอร์นแห่งชาติ ก็มี วันนูเทลล่า (ช็อกโกแลตทาขนมปัง) หรือ Nutella Day ยี่ห้อนี้มาจากแคว้นเพียดมอนต์ ในอิตาลี คือโกโก้ผสมถั่วฮาเซลนัท ยังมีสารพัดวันอาหาร ตั้งแต่ วันแครอทแห่งชาติ, วันขนมเค้กโลก, วันกาแฟ, วันเนยถั่วแห่งชาติ, วันเบเกิล, วันอัลมอนด์, วันช็อกโกแลตมินท์, วันชีสเค้ก, วันโดนัท, วันไอศกรีมโซดา, วันคาราเมล ป๊อปคอร์น ฯลฯ เอาเท่านี้ก่อนนะ...