'ทิพานัน' ฉะโฆษกเพื่อไทย อย่านั่งเทียนดิสเครดิต 'ประยุทธ์'

'ทิพานัน' ฉะโฆษกเพื่อไทย อย่านั่งเทียนดิสเครดิต 'ประยุทธ์'

"ทิพานัน" โต้โฆษกเพื่อไทย อย่านั่งเทียนมโนดิสเครดิต "ประยุทธ์" ยันนายกฯไม่รวบอำนาจศบค.- มีรมต.ทุกกระทรวง

..ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ..กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่น..อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย วิจารณ์การทำงานของพล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่าผูกขาดคำสั่งการใน ศบค.ไว้เพียงผู้เดียวว่า เป็นการแสดงความเห็นของนักการเมือง ควรอยู่บนพื้นฐานของข้อมูล ข้อเท็จจริง ไม่ใช่การมโน เนื่องจากโครงสร้างของศบค.นั้น มีรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงร่วมอยู่ด้วย จะผูกขาดได้อย่างไร ที่สำคัญ ศบค.ยังกระจายอำนาจในการตัดสินใจ จากประกาศคำสั่งนายกรัฐมตรี 39/2563 ได้มีการปรับปรุงเพิ่มศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงมหาดไทย ที่มีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นหัวหน้าศูนย์ เพื่อช่วยในการบริหารจัดการ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดควบคุมพื้นที่จังหวัดของตัวเอง มีอำนาจสั่งการต่างๆในพื้นที่คล่องตัวขึ้น

..ทิพานัน กล่าวอีดว่า จะเห็นได้ว่าการดำรงตำแหน่ง ผอ.ศบค.ของพล..ประยุทธ์ เป็นไปเพื่อความคล่องตัว เนื่องจากนายกฯมีอำนาจสูงสุด สามารถตัดสินใจในเรื่องเร่งด่วน ฉุกเฉินได้ ซึ่งเป็นผลดีกับคนทำงาน ทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้เป็นอย่างดีโดยจะเห็นว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19เริ่มทรงตัว  ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ในระดับ 300 กว่ารายบวกลบ จึงมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเห็นได้จากการที่กรุงเทพมหานคร เริ่มผ่อนปรนมาตรการใน 13 กิจการและกิจกรรมแล้ว

"โฆษกพรรคเพื่อไทยจึงไม่ควรนั่งเทียนมโนสร้างข่าวเพื่อดิสเครดิตพล..ประยุทธ์อย่างไม่ตรวจสอบข้อมูล หรือเห็นว่าแนวโน้มการจัดการโควิดเริ่มดีขึ้น จึงกังวลว่า จะถูกประชาชนลืม อาจต้องสร้างข่าวขึ้นมา การจะทำให้ประชาชนจดจำ คือผลงานที่ทำ นักการเมืองควรทุ่มเทให้ความช่วยเหลือประชาชนมากกว่า ใช้วาทะกรรมป้ายสี" ..ทิพานัน กล่าว

..ทิพานัน กล่าวด้วยว่า สำหรับการทำงานที่ผ่านมาของพล..ประยุทธ์ ยังรับฟังความเห็นรอบด้าน เห็นได้จากการรับฟังข้อเรียกร้องของสมาคมภัตตาคารไทย ซึ่งเป็นการสร้างสมดุลระหว่างมาตรการที่เข้มข้นกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ประกอบกับมาตรการในการช่วยเหลือต่างๆ กำลังเข้ามาเสริมสภาพคล่องให้กับระบบเศรษฐกิจไทย  ไม่ว่าจะเป็นมาตรการพักชำระหนี้  การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและการค้ำประกันสินเชื่อ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการพักชำระหนี้เงินต้น และดอกเบี้ย เงินกู้ลูกค้า ที่ได้รับผลกระทบ โครงการ "ชำระดีมีคืน" และการลดภาระหนี้สำหรับลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ อีกทั้งโครงการ "เราชนะ" ที่จะให้ความช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน 3,500 บาทต่อเดือนเป็นเวลา 2 เดือนคือ มกราคม-กุมภาพันธ์  ซึ่งเมื่อเม็ดเงินกระจายลงไปก็จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนไปได้ นี่คือข้อมูลเบื้องต้น ที่โฆษกพรรคเพื่อไทยควรหาข้อมูลก่อนวิจารณ์

"เราไม่ไปสู่ประเทศที่ยากจนอย่างที่โฆษกพรรคเพื่อไทยกังวลอย่างแน่นอน ขนาดเราต้องสูญเสียงบประมาณไปมหาศาลหลายแสนล้านกับการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ประเทศไทยเรายังแข็งแกร่ง  และประเทศไทยเราไม่จำเป็นต้องเดินตามชาติใด เพราะเราเคยชนะสงครามโควิดมาแล้วในรอบแรก จนเป็นตัวอย่างให้ประเทศทั่วโลกให้การยอมรับ และเชื่อมั่นว่าเราจะชนะอีกรอบ "..ทิพานันกล่าว