อนามัยโลกยัน‘หน้ากากผ้า’กันโควิดกลายพันธุ์ได้

อนามัยโลกยัน‘หน้ากากผ้า’กันโควิดกลายพันธุ์ได้

อนามัยโลกยังแนะนำให้ใช้หน้ากากผ้าป้องกันโควิดกลายพันธุ์ เพราะลักษณะการติดต่อเป็นแบบเดียวกับสายพันธุ์เดิม

ท่ามกลางความวิตกกังวลเรื่องโควิดกลายพันธุ์แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว เยอรมนีและออสเตรียจึงบังคับการสวมหน้ากากบนรถสาธารณะและร้านค้า ต้องเป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ใช้ในห้องผ่าตัดหรือหน้ากากเอฟเอฟพีทูเท่านั้น

ขณะที่นางสาวมาเรีย แวน เคอร์โคฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) แถลงข่าวจากนครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ว่า โควิดสายพันธุ์ใหม่บางตัวอาจติดต่อได้อย่างรวดเร็ว แต่ผลการศึกษาสายพันธุ์ที่พบในอังกฤษและแอฟริกาใต้ “ไม่มีข้อบ่งชี้ว่าการติดต่อเปลี่ยนแปลงไป การแพร่กระจายเป็นรูปแบบเดียวกัน” ดังนั้น “ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปี และไม่มีโรคประจำตัว สามารถใช้หน้ากากผ้าที่ไม่ใช่หน้ากากทางการแพทย์ได้ในที่สาธารณะ”

ส่วนหน้ากากทางการแพทย์นั้นควรใช้สำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในบริบททางคลินิก คนที่รู้สึกไม่ค่อยสบาย ผู้ที่รอผลตรวจโควิด-19 หรือตรวจแล้วได้ผลเป็นบวก และคนที่ดูแลผู้ต้องสงสัยติดเชื้อหรือติดเชื้อยืนยันแล้ว รวมไปถึงผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปี หรือมีโรคประจำตัว เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงเจ็บป่วยรุนแรง

น.ส.แวน เคอร์โคฟ ยืนยันว่า ดับเบิลยูไม่เปลี่ยนจุดยืนเรื่องหน้ากากผ้า อย่างไรก็ตามแต่ละประเทศตัดสินใจเรื่องนี้ได้อย่างอิสระตามความเหมาะสม

“ดับเบิลยูเอชโอจะดูหลักฐานต่อไป แต่จากข้อมูลที่ได้จากนานาประเทศที่มีโควิดกลายพันธุ์ วิธีการติดต่อยังไม่เปลี่ยนแปลง ถ้ามีอะไรเปลี่ยนเราจะปรับและแจ้งข้อควรปฏิบัติให้สอดคล้องกับสถานการณ์” ผู้เชี่ยวชาญจากดับเบิลยูเอชโอกล่าวและว่า หน้ากากผ้าควรมีสามชั้นเพื่อปกป้องได้เพียงพอ ชั้นในสุดควรเป็นเนื้อผ้าดูดซับน้ำ เช่น ผ้าฝ้าย ชั้นกลางควรเป็นผ้าใยสังเคราะห์ที่ไม่ผ่านการถักทอผลิตจากโพลีโพรพิลีน ทำหน้าที่เหมือนฟิลเตอร์ ส่วนชั้นนอกควรเป็นผ้ากันน้ำ เช่น โพลีเอสเตอร์

น.ส.แวน เคอร์โคฟ กล่าวด้วยว่า หน้ากากยังคงเป็นเพียงเครื่องมือเดียวในการลดการแพร่กระจายของไวรัส ซึ่งต้องใช้เครื่องมืออื่นร่วมด้วย และเนื่องจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ จึงน่าเป็นห่วงที่ทั่วโลกกำลังขาดแคลนหน้ากากชนิดนี้