‘ดาวโจนส์’ดิ่ง 179 จุด

‘ดาวโจนส์’ดิ่ง 179 จุด

‘ดาวโจนส์’ดิ่ง 179 จุด เหตุนักลงทุนกังวลประธานาธิบดีไบเดนถูกบีบลดวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันศุกร์(22ม.ค.)ร่วงลง 179 จุด ท่ามกลางความวิตกที่ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนอาจปรับลดวงเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้สามารถผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส

นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในสหรัฐ และการที่หุ้นเริ่มมีราคาแพง หลังจากพุ่งขึ้นขานรับการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้ค่า Forward P/E Ratio ของดัชนี S&P 500 อยู่ใกล้ระดับสูงสุดในช่วงเกิดฟองสบู่ดอทคอมในปี 2543

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 179.03 จุด หรือ-0.57% ปิดที่ราคา 30,996.98จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วง 11.60 หรือ -0.30% ปิดที่ 3,841.47 จุด และดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.15 จุด หรือ+0.09% ปิดที่ราคา 13,543.06

ทั้งนี้ สมาชิกสภาคองเกรสหลายรายทั้งจากพรรครีพับลิกันและเดโมแครตต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ และตั้งข้อสงสัยถึงความจำเป็นของการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของปธน.ไบเดน

ท่าทีดังกล่าวของสมาชิกรัฐสภาสหรัฐอาจกดดันให้ปธน.ไบเดนจะต้องลดวงเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้สามารถผ่านการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐ

นอกจากนี้ นักลงทุนกำลังจับตาดูว่าปธน.ไบเดนจะสามารถทำการฉีดวัคซีนให้แก่ชาวอเมริกันจำนวน 100 ล้านโดสภายใน 100 วันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีตามที่เขาสัญญาได้หรือไม่ หลังจากที่รัฐบาลของอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ได้พลาดเป้าในการฉีดวัคซีนให้แก่ชาวอเมริกันจำนวน 20 ล้านคนภายในปี 2563

ขณะนี้ สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อกว่า 25 ล้านราย และเสียชีวิตมากกว่า 420,000 ราย

ทางด้านปธน.ไบเดนได้ประกาศมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เมื่อวานนี้ และได้ลงนามในคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีจำนวน 10 ฉบับเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดในสหรัฐ โดยเขาจะระดมเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานรัฐบาลกลางและบุคลากรทางการแพทย์จำนวนหลายพันคนเพื่อสนับสนุนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ชาวอเมริกัน

ปธน.ไบเดนยังได้ประกาศใช้กฎหมายการผลิตยามสงคราม (Defense Production Act) เพื่อเร่งการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะมีการผลิตชุด PPE, ชุดตรวจสอบโควิด และมีการจัดสรรวัตถุดิบในการผลิตวัคซีนอย่างเพียงพอ

ทั้งนี้ กฎหมายการผลิตยามสงครามจะให้อำนาจประธานาธิบดีสหรัฐในการสั่งการให้บริษัทต่างๆทำการผลิตในสิ่งที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งจะทำให้สหรัฐได้รับวัตถุดิบที่มีความจำเป็นในการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19

ขณะเดียวกัน ตลาดวิตกว่าการที่บริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ลดการส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประเทศในยุโรปจะส่งผลกระทบต่อสหรัฐ ขณะที่รัฐบาลหลายประเทศในยุโรปแสดงความไม่พอใจต่อทางบริษัท โดยบางประเทศ เช่น อิตาลี ขู่ดำเนินการทางกฎหมาย หลังจากที่ไฟเซอร์ลดการส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ถึง 50%