SONIC - ซื้อ

SONIC - ซื้อ

คาดกำไร 4Q63 ทำ New High และปี 64 โตต่อเนื่อง 35%

ประเด็นสำคัญ

  • คาดกำไร 4Q63 ราว 6 ลบ. +25%YoY +44%QoQ ทำ New High รายไตรมาส: เราคาดการณ์รายได้จากการดำเนินงานงวด 4Q63 ราว 330 ลบ. +12%YoY +10%QoQ ดีขึ้นทุกกลุ่มธุรกิจ ตามสถานการณ์การส่งออกที่มีแนวโน้มดีขึ้นจากการเข้าสู่ช่วง High Season ประกอบกับเร่งตัวขึ้นหลังผ่านช่วง Lockdown ซึ่งไม่สามารถส่งออกสินค้าได้ (Figure 2) โดยคาดโมเมนต์ตัมดังกล่าวจะยังคงดีต่อเนื่องในช่วง 4Q63 ถึง 1Q64 ประกอบกับ ค่าระวางเรือที่ปรับดีขึ้นเฉลี่ยราว 30%QoQ (Figure 3) ช่วยหนุนกลุ่มธุรกิจหลักให้บริการจัดการขนส่งสินค้าทางเรือ (Sea Freight) ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ราว 65% ขณะที่ %GPM ทรงตัวในระดับสูงซึ่งใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 21% และปรับดีขึ้นจาก 4Q62 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 20.6% จากความต้องการใช้เรือเพื่อขนส่งที่อยู่ในระดับสูง ส่วน %SG&A/Sales ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าจาก 15.8% ลดลงสู่ระดับ 15% ตามสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เราคาดงวด 4Q63 บริษัทมีกำไรสุทธิราว 16.6 ลบ. +25%YoY +44%QoQ และเป็นกำไรซึ่งทำ New High รายไตรมาส และส่งผลให้ทั้งปี 63 บริษัทมีรายได้รวมและกำไรสุทธิราว 1,255 ลบ. +9%YoY และ 48 ลบ. +3.4%YoY ตามลำดับ
  • ธุรกิจใหม่ปล่อยสินเชื่อรถหัวลากให้กับพันธมิตรมีศักยภาพเติบโตดี: ธุรกิจใหม่ในการปล่อยสินเชื่อรถหัวลากให้กับพันธมิตร มีแนวโน้มดีขึ้นจากปีก่อนซึ่งเริ่มให้บริการตั้งแต่ 2Q63 – 4Q63F มีรถที่ให้สินเชื่อจำนวน 8 คัน มูลค่าสินเชื่อราว 30 ลบ. ล่าสุด SONIC เพิ่งจับมือกับ HINO (ตัวแทนจำหน่ายรถ) เมื่อ 11 .. 63 เพื่อให้สินเชื่อกับพันธมิตรโดยปัจจุบันมีความต้องการขอสินเชื่อแล้วจำนวน 35 คัน มูลค่าสินเชื่อราว 130 ลบ. NIM ราว 4% ซึ่งจะเริ่มทยอยส่งมอบตั้งแต่ปลายเดือน ก.. จนถึงกลางปี 64 คาดจะช่วยเพิ่มรายได้ของบริษัทในปี 2564 อีกราว 6 ลบ. (รวมในประมาณการแล้ว) แต่ยังมีอัพไซต์จากการปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มเติม โดยบริษัทมีเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อภายใน 2 ปี (2564-65) ราว 200 คัน และ 500 คัน ภายใน 3 ปี (2564-66) โดยใช้แหล่งเงินทุนสนับสนุนธุรกิจใหม่จากเงินทุนหมุนเวียนและสถาบันการเงิน โดยงวด 3Q63 บริษัทมีหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) เท่ากับ 0.45 ซึ่งยังมีความยืดหยุ่นสูงในการขอวงเงินกู้เพิ่มเติม
  • คาดแนวโน้มผลประกอบการปี 64 เติบโตราว 35%: เราคาดแนวโน้มรายได้รวมจะเติบโตสู่ 1,506 ลบ. +20%YoY เติบโตตามภาคการส่งออกที่เห็นทิศทางการฟื้นตัวหลังผ่านพ้นช่วง Lockdown ประกอบกับทั่วโลกเริ่มฉีดวัคซีนส่งผลให้สถานการณ์ COVID-19 บรรเทาลง ขณะที่ สมมติฐาน %GPM จะปรับดีขึ้นสู่ 21% (จากทั้งปี 63F ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 2% แต่ใกล้เคียงกับงวด 4Q63F ซึ่งอยู่ที่ระดับ 21.2%) เนื่องจากดีมานต์การขนส่งที่เร่งตัวขึ้น และปริมาณเรือขนส่งที่น้อยลง ส่งผลให้เราคาดการณ์กำไรสุทธิราว 65 ลบ. +35%YoY
  • เริ่มต้นด้วยคำแนะนำ “ซื้อราคาเหมาะสม 2.46 บาท: เราประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี Prospective PER ณ ระดับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมย้อนหลัง 2 ปี ที่ 20.9x ซึ่งต่ำกว่าปัจจุบันซึ่งซื้อขายอยู่ที่ระดับ 25.6x (+1.5SD) (Figure 4) ทั้งนี้ เราประมาณกำไรสุทธิต่อหุ้นปี 64 ราว 0.12 บาท/หุ้น คำนวณได้ราคาเหมาะสมที่ 2.46 บาท ซึ่งมี Upside จากราคาปัจจุบัน จึงเริ่มต้นด้วยคำแนะนำ ซื้อ

ความเสี่ยง

        i) ธุรกิจมีการแข่งขันสูงและรุนแรง

        ii) สถานการณ์ COVID-19 และการ Lockdown ทั้งในประเทศไทยและประเทศคู่ค้า 

        iii) เป้าการปล่อยสินเชื่อของธุรกิจใหม่น้อยกว่าคาด