อิ่มเอม ‘อาหารไทย’ มื้อค่ำ ที่ ‘ห้องทานข้าว สุพรรณิการ์’ สาขา ท่าเตียน

จิบเครื่องดื่ม "คอลมีโรส" (Call Me Rose) ส่งอาทิตย์อัสดงริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ระเบียงห้องทานข้าวสุพรรณิการ์ 

จากสาขาแรกอยู่ที่ซอยทองหล่อ สู่สาขาสาทรซอย 10 จนถึงสาขาที่สาม “ห้องทานข้าวสุพรรณิการ์” สาขาท่าเตียน ดำรงกิจการมาได้ 4 ปีแล้ว ภายใต้คอนเซ็ปต์ “อาหารไทย” สูตรคุณยาย สมศรี จันทรา ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ อำเภอ เขาสมิง จังหวัดตราด เป็นคุณยายของหนึ่งในหุ้นส่วนร้าน (ธนฤกษ์ เหล่าเราวิโรจน์) ซึ่งตอนหลังคุณยายไปเลี้ยงหลานอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น ดังนั้นอาหารรสมือคุณยายก็จะรวมทั้งอาหารตราด 90 เปอร์เซ็นต์ อาหารอีสาน 10 เปอร์เซ็นต์ ออกมาเป็นสูตรอาหารไทยสไตล์โฮมเมด รสมือแม่ หรือคุณยาย เสมือนไปทานข้าวที่บ้านเพื่อน เครื่องปรุงไม่ต้องห่วงจัดเต็ม ไม่หวงเครื่อง

“อาหารว่าง” ชุดนี้ที่ชื่อ “ชุดทานเล่นสุพรรณิการ์” มีม้าฮ่อ,เมี่ยงหยอง,ข้าวตังน้ำพริกกากหมู

ธัช-ธัชชัย นาคพันธุ์ และ ลิซ- ณิชรัตน์ มหารักขกะ หุ้นส่วนของร้านเล่าว่า แต่ละสาขาอาหารคอนเซ็ปต์เดียวกัน ทว่าตกแต่งต่างกัน ที่สาขาทองหล่อ เป็นตึกแถวห้องเล็กๆ ต้องการทำให้บรรยากาศดูโฮมมี่ “ห้องทานข้าวสุพรรณิการ์” ดูง่ายๆสบายๆเหมือนไปกินข้าวบ้านเพื่อน มีบรรยากาศของอีสานและไทยร่วมสมัย มีลายฟืมที่คนอีสานใช้ทอผ้า กะบม (ที่ตากข้าวเหนียว) ทำเป็นโต๊ะ ที่วางของ เลือกสีเหลืองเข้ามาในร้านเพราะเป็นสีของดอกสุพรรณิการ์

บรรยากาศ "ห้องทานข้าวสุพรรณิการ์" ชั้นล่างเป็นห้องปรับอากาศ 

ส่วน “ห้องทานข้าวสุพรรณิการ์” สาขาสาทร อยู่ใจกลางเมือง มีที่กว้างกว่า ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นขึ้นมาหน่อย เน้นความเป็นเหล็ก ผสมกับไม้ สาขาท่าเตียนแห่งนี้ มีวิวที่สวยงามอยู่แล้ว เพราะติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา จึงตกแต่งให้มีสีฟ้า โซฟา นั่งชิลสบาย มีทั้งหมด 2

น้ำพริกไข่ปู เป็นเมนูที่ไม่ควรพลาด 

แกงเผ็ดเนื้อปูใบชะพลู รสเข้มข้น ใส่เนื้อกรรเชียงปูชิ้นโตๆจากสุราษฎร์

หมูหวานได้มานั่งชิล ชมพระอาทิตย์อัสดง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตรงข้าม(เยื้องๆ) มองเห็นวัดอรุณ จิบเครื่องดื่มม็อกเทลชื่อ “คอลมีโรส” (Call Me Rose) มีส่วนผสมของชากุหลาบและน้ำลิ้นจี่หอมๆหวานๆ  ส่งพระอาทิตย์เรียบร้อยแล้วได้เวลา “อาหารว่าง” ที่ชื่อ “ชุดทานเล่นสุพรรณิการ์” ( 295 บาท ) มาเสิร์ฟ อาหารชุดนี้ประกอบไปด้วย ม้าฮ้อ (หมูสับผัดกับถั่วลิสงเสิร์ฟบนกลีบส้มสด) เมี่ยงหยอง(ใบชะพลูสดห่อมะพร้าวคั่วเครื่องสมุนไพร โรยถั่วลิสง หมูหยอง และส้ม) และ ข้าวตังน้ำพริกเผากากหมู (ข้าวตังทอดกรอบจิ้มกับน้ำพริกเผา สูตรคุณยาย เสิร์ฟพร้อมกากหมูกรุบๆและกุ้งแห้ง)

"แพรงเนื้อลาย" จานนี้หมูหวานแนะนำ 

จากนั้นเริ่มเป็นอาหารมื้อค่ำอย่างเต็มตัว “ข้าวสวยร้อนๆ” กับ  แพนงเนื้อลาย ( 240 บาท) ชอบจานนี้มากรสชาติดีดังใจ ทางร้านเคี่ยวพริกแกงกับน้ำกะทิคั้นสด และเนื้อน่องลายที่หั่นพอดีคำ จนเนื้อนุ่มได้เทคเจอร์ความหนึบของน่องลายมีเสน่ห์ถูกใจเป็นอย่างยิ่ง

"กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา" ใช้น้ำปลาดีจากจังหวัดตราด 

คุณธัช- ธัชชัย หุ้นส่วนของ“ห้องทานข้าวสุพรรณิการ์” อธิบายว่า “วัว 1 ตัว จะมีเนื้อลายแค่ 2 เส้นเฉพาะขาหน้าของวัวเท่านั้น คัดมาเฉพาะส่วนที่ดีที่สุดมาทำแพนงเนื้อลาย และยำเนื้อลาย ที่ขายอยู่ในร้าน จะมีความนุ่มและเด้งดึ๋งๆ  อีกเมนูเด็ดของร้านก็คือ กะหล่ำทอดน้ำปลา (170 บาท) พิเศษตรงเราเอากะหล่ำปลีมาทอดทีละใบ เราใช้น้ำปลาดี(ยี่ห้อพรพิมล)ที่มาจากตราด ทอดออกมาแล้วจะหอม เป็นเมนูขายดีของทางร้าน ดูเหมือนเป็นเมนูง่ายๆ แต่ต้องใช้ความสามารถในการทำ เลือกกะหล่ำปลีเฉพาะใบที่สวยที่สุดทอดแล้วคลุกกับน้ำปลาแท้ที่เราปรุงมาแล้ว เรียงเป็นใบๆในจานก่อนเสิร์ฟ เรา มีเทคนิคที่ทำออกมาแล้วอร่อย ทุกคนกินแล้วติดใจต้องสั่งเพิ่ม”  สมกับเป็นร้าน “อาหารไทย” จริงๆ

“หมูชะมวง” เนื้อหมูไม่มัน เคี่ยวจนนุ่ม รสเปรี้ยวของใบชะมวงโดดเด่นลงตัวกับเครื่องแกงเป็นยิ่งนัก 

นั่งชิลชมทิวทัศน์กับเครื่องดื่มแก้วโปรดข้างๆคนที่รู้ใจ 

"พานนาคอตต้าชาไทย" รสละมุนหอมกรุ่นกลิ่นชาไทย 

หมูชะมวง เป็นเมนูที่หมูหวานการันตีความอร่อย เพราะเคยกิน “หมูชะมวง” ยังไม่เคยถูกใจเต็มร้อยเพราะส่วนใหญ่ สูตรนี้จะใช้หมูสามชั้นติดมันเยอะๆ บางทีก็มีรสหวาน มันและเลี่ยนเกินไป ทว่า “หมูชะมวง” ร้านนี้พี่ให้เต็ม 10 เพราะความมันเลี่ยนไม่มี ทางร้านเลือกหมูมาดีไม่มัน แล้วเคี่ยวจนเนื้อนุ่ม รสเปรี้ยวของใบชะมวงโดดเด่นลงตัวกับเครื่องแกงเป็นยิ่งนัก รักจานนี้สุดๆ

"ข้าวเหนียวมะม่วง" จานนี้ 240 บาท  

หุ้นส่วนร้านเล่าว่า “หมูชะมวงเป็นอาหารขึ้นชื่อของทางตราดอยู่แล้ว ทางใต้ก็มีแต่ทางภาคตะวันออกจะขึ้นชื่อมาก รสจะหวานนำ ใช้หมูสามชั้นเพื่อให้นุ่ม สูตรคุณยาย ไม่ชอบหวานมาก ดังนั้นหมุชะมวงเราไม่ออกหวานจะเปรี้ยวเค็มแทน เราใช้หมูสันคอแทนหมูสามชั้น เคี่ยวนาน 2-3 ชั่วโมงจนนุ่ม สีแดงมาจากเปลือกพริกแต่ไม่เผ็ด ทานแล้วกลมกล่อม ใบชะมวงเราก็เอาไปย่างให้หอมก่อนแล้วค่อยเอามาเคี่ยว”

"บัวลอยเผือก และฟักทอง" ถ้วยนี้ 85 บาท 

ส่วนเมนู แกงเผ็ดเนื้อปูใบชะพลู (650บาท) เป็นแกงเผ็ดใบชะพลูรสเข้มข้น ใส่เนื้อกรรเชียงปูชิ้นโตๆจากสุราษฎร์ แถมยังใส่ไข่ปูลงไปด้วยช่างเข้ากันจริงๆ รสชาติไม่ได้เผ็ดร้อนแบบแกงใต้ ทว่ามีความเข้มข้นเผ็ดๆ และมีรสหวานละมุนที่ปลายลิ้นแบบทางภาคตะวันออก รับประทานกับหมี่ขาว หรือข้าวสวยร้อนๆก็อร่อย 

ไอศกรีมที่มีส่วนผสมของ "แม่โขง" ให้อารมณ์แบบ "แซนเกรีย" ถูกใจหมูหวานมาก ไปแล้วไม่ควรพลาด 

ใครชอบ น้ำพริกไข่ปู ต้องไม่พลาด ถือว่าเป็นอาหารจานเด็ดของคนตราด เครื่องปรุงไม่ได้ยุ่งยากแค่มี ไข่ปู พริก กระเทียม น้ำมะนาว มีไข่เค็มเพิ่มความมันๆเค็มๆเข้าไปเล็กน้อย เสิร์ฟกับผักแนมต่างๆ รู้สึกสุขภาพดี โดยเฉพาะทานน้ำพริกไข่ปูกับขมิ้นขาว เข้ากันได้ดีสุดๆ วันนี้เจ้าของร้าน เสิร์ฟ ยำมาม่า หมูทอด เมนูใหม่ให้ลองชิม ปรากฏว่าอร่อยโดนใจมากๆ เพราะเป็นยำมาม่าที่คลุกน้ำปลาร้านัวๆ มีไหลบัวกรุบๆเข้ามา ท็อปปิ้งด้วยสันคอหมูหมักชุบแป้งทอดกรอบๆ เหมือนหมูทงคัตสึ อร่อยสุดขั้วจริงๆ พริกโขลกตอนปรุง รวมทั้งผักชีฝรั่งต่างๆก็หั่นสดๆ ไม่หั่นไว้ล่วงหน้าเพราะจะสูญเสียกลิ่นหอมของวัตถุดิบ

 

เครื่องแก้วนี้มีชื่อว่า "ใจเย็นเย็น"

สุดท้ายนี้เจ้าของร้านขอฝาก “ห้องทานข้าวสุพรรณิการ์” ร้าน “อาหารไทย” บรรยากาศดี มีคอนเซ็ปต์สวยๆ ไม่ได้ทำให้ต่างชาติ ทว่าทต้องการเสิร์ฟคนไทยก่อน แล้วไปบอกต่อว่าเป็นอาหารที่ถูกปากคนไทยนะ แล้วให้ต่างชาติมาตามรอย  ร้านแบบนี้ราคาไม่สูงเกินเอื้อม ไม่ต้องมาในโอกาสพิเศษเท่านั้น สามารถมากินได้ทุกวัน เพราะราคาสมเหตุสมผลพอสมควร

เครื่องดื่มแก้วนี้มีชื่อว่า "ลิ้นจี่โมฮิโต้"

บรรยากาศชั้นสองของ "ห้องทานช้าวสุพรรณิการ์"

ระเบียงโล่งโปร่งสบาย รับลมเย็นๆ มองทิวทัศน์แม่น้ำและชมความงามของวัดอรุณฯ 

ห้องทานข้าวสุพรรณิการ์ หรือ Supanniga Eating Room by Khunyai Thatien เลขที่ 392/25-26 ซอยเพ็ญพัฒน์ 2 ถนนมหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เปิดบริการทุกวัน 11.00-21.00 น. โทร. 02-015-4224 (ใกล้ MRT สนามไชย)