ส.อ.ท.ชงตั้งกองทุนอุ้มกิจการโรงแรม ห่วงเจ๊งและถูกยึดจากพิษโควิด

ประธานส.อ.ท. ห่วงโควิดกระทบภาคท่องเที่ยว เผยสมาคมธนาคารเร่งพิจารณารายละเอียดเสนอรัฐตั้งกองทุนดูแลธุรกิจโรงแรม เชื่อหลังโควิดคลี่คลายปีหน้า นักท่องเที่ยวกลับมาปกติ

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มาตรการต่างๆที่ภาครัฐดำเนินการออกมาขณะนี้ทั้งโครงการคนละครึ่ง เราชนะ ฯลฯ ถือว่าทำได้ออกมาตรงจุด แต่ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ขณะนี้บางส่วนได้รับความเสียหายจากผลการใช้มาตรการควบคุมสูงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในส่วนของภาคการท่องเที่ยว ดังนั้นเห็นว่ารัฐบาลจะต้องมีมาตรการเพิ่มเติมเข้ามาดูแลด้วยการตั้งกองทุนเพื่อดูแลไม่ให้ทรัพย์สินภาคการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ไม่ให้ถูกแบงก์ยึด

“เรื่องผลกระทบของภาคการท่องเที่ยว ทางสมาคมธนาคารไทยกำลังจัดทำรายละเอียดอยูว่าจะช่วยอย่างไรได้บ้างและเสนอต่อภาครัฐ แต่เห็นว่าควรจะต้องมีกองทุนเข้ามา เพราะคนหยุดเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศยิ่งเสียหายหนัก ซึ่งกองทุนแบงก์อาจจะลงเงินเอาไปอุ้มลูกหนี้แบงก์ เพราะว่าปีหน้าหากโควิดคุมได้ทั่วโลก วัคซีนมา ทำให้ไทยมีโอกาสรับนักท่องเที่ยวได้เยอะ วันนั้นกลุ่มโรงแรมก็จะเอาเงินมาคืนแบงก์ได้” นายสุพันธุ์ กล่าว

สำหรับโครงการเราชนะที่รัฐไม่ได้ช่วยเหลือเป็นเงินสด แต่เป็นรูปแบบของแพลตฟอร์มสามารถช่วยเยียวยาได้ เพราะหากดูจากโครงการคนละครึ่งก็ยังใช้ได้อยู่ ส่วนวงเงินที่ให้ 2 เดือนรวม 7,000 บาท เพียงพอหรือไม่ต้องดูว่าสถานการณ์โควิดเป็นอย่างไร ถ้าจบไม่มีปัญหาก็เพียงพอ ถ้าลุกลามไปเรื่อยกระทบบริโภค ท่องเที่ยว ก็ต้องมีมาตรการเสริมเข้ามา

สำหรับมาตรการซอฟท์โลนวงเงิน 5 แสนล้านบาท ที่เข้ามาช่วยเหลือเอสเอ็มอีนั้น ในวันพรุ่งนี้ (22 ม.ค.) ส.อ.ท.จะหารือกับทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนท์ ถึงรายละเอียดปลีกย่อยที่จะขอปรับแก้หลักเกณฑ์การเข้าถึงซอฟท์โลน 5 แสนล้านบาท ตามที่ส.อ.ท.เสนอ 5 ข้อ ซึ่งมองว่าธปท.เข้าใจมากขึ้นว่าเงื่อนไขที่ทำออกมาก่อนหน้านี้ ทำให้เอสเอ็มอีไม่สามารถเข้าถึงซอฟท์โลนได้ ทำให้สุดท้ายยังเหลือเงินเกือบ 4 แสนล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ทางคณะกรรมาธิการฯก็เร่งแก้ปัญหาและจะออกเป็นพรก. เพื่อเสนอครม.อนุมัติต่อไป
“ข้อกำหนดในซอฟท์โลนที่จะต้องแก้ไข เช่น ไม่จำกัดในการขอสินเชื่อได้หรือไม่ ขอให้คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 5% ต่อปีในระยะ 5 ปีแรก ขอให้ธนาคารพาณิชย์ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงต่ำ 1% ให้บสย.ค้ำประกันวงเงินสินเชื่อเพิ่ม 40% เป็นต้น ก็จะทำให้ผุ้ประกอบการเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น”

สำหรับนโยบายของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนล่าสุด มองว่าจะทำให้สงครามการค้าเบาบางลง ส่งออกน่าจะดีขึ้น แต่ที่น่าห่วง คือ มาตรฐานสิ่งแวดล้อมเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมโลกจะเข้มข้นมากขึ้น ผู้ประกอบการไทยจะต้องปรับตัว ในการผลิตสินค้าให้มีมาตรฐานเหล่านี้เข้าไปครอบคลุมมากขึ้น โดยภาคอุตสาหกรรมก็ได้เตรียมตัวระดับหนึ่งแล้ว