ฟื้นตัวได้บ้างก่อนไซด์เวย์ต่อ

ฟื้นตัวได้บ้างก่อนไซด์เวย์ต่อ

ปัจจัยโดยรวมเป็นบวกเล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงขั้น หนุนให้ SET Index ขึ้นแรง

มุมมอง SET Index: ฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน SET Index วันพฤหัสฯ รีบาวด์ได้บ้างก่อนเทรดไซด์เวย์ต่อ...หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยอ่อนแอกว่าที่คาดเล็กน้อย ตามแรงขายในหุ้นกลุ่มที่ปรับขึ้นมาแรงในช่วงก่อนหน้านี้ เช่นกลุ่มไฟแนนซ์ และกลุ่มอิเลกโทรนิกส์ (หุ้น DELTA* เผชิญจิตวิทยาเชิงลบจากประเด็นที่ตลท. เตรียมทำประชาพิจารณ์เกณฑ์การคัดเลือกหุ้นเข้าออกจากดัชนีต่างๆ รวมทั้งเกณฑ์การคำนวณดัชนี) ขณะที่ในวันนี้ปัจจัยโดยรวมเป็นบวกเล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงขั้น หนุนให้ SET Index ขึ้น แรงแต่อย่างใด

ปัจจัยต่างประเทศ - เป็นบวกเล็กน้อย: i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับขึ้นรับข่าวผลประกอบการธนาคารขนาดใหญ่อย่าง Morgan Stanley สูงกว่าที่ consensus คาด ii) การสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของ ปธน. โจ ไบเดน ผ่านพ้นไปด้วยความเรียบร้อย และหลังจากเริ่มทำงาน นาย ไบเดนได้ออกคำสั่งประธานาธิบดีหลายฉบับ เช่นการให้สหรัฐฯ กลับเข้าสู่ WHO, กลับเข้าสู่ Paris Accord ในประเด็นสิ่งแวดล้อม และระงับการก่อสร้างท่อส่งน้ำมัน keystone XL... แต่ประเด็นต่างๆ เหล่านั้น น่าจะมีจำกัดต่อตลาดการเงิน iii) นักลงทุนยังคงติดตามรายละเอียดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ รอบใหม่ มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลล่าร์ฯ รวมทั้ง การแถลงนโยบายด้านการเงินการคลัง ของ รมว. คนใหม่ นาง Janet Yellen เป็นต้น

ปัจจัยในประเทศ - เป็นบวกเล็กน้อย: i) สถานการณ์ติดเชื้อ COVID-19 ภายในประเทศยังคงดีขึ้น เป็นลำดับ และมีโอกาสที่ ศบค. จะพิจารณาผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มบางจุดในเดือน ก.พ. ii) ติดตามการรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/2563 ของ 4 ธนาคารขนาดใหญ่ซึ่งจะรายงานออกมาในวันนี้

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน 

เก็งกำไร AQUA, EPG*, SPRC*

- AQUA (ยังไม่มีเป้าหมายใน Consensus) 1) ประเมินแนวรับ 0.44 บาท / แนวต้าน 0.48 - 0.50 บาท กรณี Breakout กรอบแนวต้านไปได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 0.6 บาท (Stop loss 0.42 บาท) 2) ประเมินราคาหุ้น Laggard บ.ลูก EP ที่ AQUA ถือหุ้นอยู่ 40% โดยมูลค่าหุ้น EP
ที่ AQUA ถืออยู่คิดเป็นมูลค่า ±2 พันล้านบาท (คำนวณจากราคาปิดวานนี้) ขณะที่ AQUA มี Marketcap ล่าสุดเพียง 2.1 พันล้านบาท 3) PBV ตํ่าเพียง 0.45 เท่า ขณะที่ ROE ±15% (กำไรส่วนใหญ่มาจาก EP ที่ทำธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน + กล่องกระดาษ)

- EPG* (เป้าพื้นฐาน 9.4 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 7.7 บาท และ 7.5 บาท / แนวต้าน 8.4 - 8.7 บาท (Stop loss 7.2 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานเริ่มฟื้นตัวทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ i) Aeroflex ธุรกิจฉนวนยาง คาดรับอานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ii) Aeroklas ธุรกิจชิ้นส่วนยาน
ยนต์ รับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ + ธุรกิจที่ออสเตรเลีย (TJM) พลิกกลับมาทำกำไรได้แล้ว iii) EPP ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก รับ Sentiment บวก จากการสั่งอาหารกลับบ้าน ในช่วงวิกฤตโควิด-19 3) PE ปี 2564/65 (ปิดงบ มี.ค.) ตํ่าเพียง 16.5 เท่า (ค่าเฉลี่ยในอดีต 23 เท่า)

- SPRC* (เป้าพื้นฐาน 9.8 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 9.1 บาท / แนวต้าน 9.8 - 10.0 บาท (Stop loss 8.5 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินแนวโน้มค่าการกลั่นฟื้นตัวต่อเนื่องใน 1H64 จากดีมานด์พลังงานที่คาดฟื้นตัว ตามความคาดหวังเรื่องวัคซีนโควิด-19 โดยเฉพาะดีมานด์น้ำมันอากาศยาน และการขนส่ง
3) ฝั่งอุปทาน ไม่มีกำลังการผลิตใหม่ในภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ 4) PBV 1.5 เท่ายังใกล้เคียง ค่าเฉลี่ยในอดีตราว 1.4 เท่า ขณะที่ผลการดำเนินงานปีนี้คาดจะ Turnaround เป็นกำไรราว 3.7 พันล้านบาท ROAE กลับมาบวกที่ 13.8% … ด้วยธีมการลงทุนเดียวกันนักลงทุนอาจพิจารณาเก็งกำไร ESSO* แนวรับ 8.8 บาท / แนวต้าน 9.5 - 9.7 บาท (Stop loss 8.45 บาท)

หุ้นมีข่าว

(- BEM) นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด)รฟม. ที่มีนายสราวุธ ทรงศิวิไล เป็นประธาน วันที่ 20 ม.ค.ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบการออกผลิตภัณฑ์เที่ยวโดยสาร ( Pass) รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) หรือ
Blue Line Pass : BL Pass และตั๋วเที่ยวสำหรับโดยสารร่วม สายสีน้ำเงิน และสายฉลองรัชธรรม (สีม่วง) หรือ Multiline Pass : ML Pass โดยจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 64 เป็นต้นไป (อินโฟเควสท์) ความเห็น : เรามีมมุมมองเชิงลบต่อข่าวเล็กน้อย เนื่องจาก ตั๋วเที่ยวโดยสาร 30 วัน จะทำให้ผู้โดยสารหันมาใช้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้รายได้เฉลี่ยต่อเที่ยวจากระดับปัจจุบัน ที่ประมาณ 27-28 บาท/เที่ยว ลดลงมาเหลือที่ 26 บาท/เที่ยว เราประเมินความเสี่ยงต่อกำไรไว้ที่ 2% ในปี 2565 โดยใช้สมมติฐานรายได้ต่อเที่ยวลดลง จาก 29.2 บาท มาอยู่ที่ 26 บาทต่อเที่ยว ยังคงคำแนะนำ ซื้อ BEM ด้วยราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 10.50 บาท

(+) ATP30 เพิ่มทุน 65 ล้านหุ้น ขาย โตโยต้า ทูโช ไทย โฮลดิ้งส์ ที่ 0.99 บ./หุ้น เข้าถือหุ้น 9.53%(อินโฟเควสท์)

(+ กลุ่มยานยนต์ SAT, AH, EPG*) ยอดผลิตรถยนต์ปี 64 ฟื้น ปักธงที่ 1.5 ล้านคันโต 5% (ไทยโพสต์) ส.อ.ท.ตั้งเป้าปี 64 ยอดผลิตรถยนต์ฟื้นอยู่ที่ 1.5 ล้านคัน สูงกว่าปีก่อน 5.12% ที่ผลิตได้ 1.42 ล้านคัน หลังโควิด-19 ฉุดยอดผลิตวูบ หลายประเทศเจ็บหนัก

(+ SPA) กทม.ชง 'คลายล็อก' คุมโควิด ผ่อนปรน 'ร้านนวด-ฟิตเนส-จัดเลี้ยง' ไทยปรับแผนวัคซีน (กรุงเทพธุรกิจ) แอสตราฯ ส่งวัคซีนรอบแรก 5 หมื่นโดส "อนุทิน" ขอคนแรก ไทยต้องปรับแผนวัคซีนโควิด-19 หลังซิโนแวคยังรอขึ้นทะเบียนในจีน เจรจาแอสตราฯ จัดส่งล็อตสำเร็จรูปผลิตในต่างประเทศให้
ก่อนรอบแรก 5 หมื่นโดส เริ่มฉีดในไทยกลุ่มแรกก.พ.นี้ "อนุทิน" คนแรก ต่อด้วยบุคลากรการแพทย์ ลุ้นวันนี้ กทม.เตรียมชงกรรมการโรคติดต่อ ผ่อนปรนกิจการ-ธุรกิจบางประเภท ด้านยอดติดเชื้อรายใหม่ลดฮวบอยู่ที่ 59 ราย

(+) CPALL* เฮ! OR ต่อสัญญา ฉายอนาคตหลังเข้าตลาด (ทันหุ้น) OR ยก CPALL* พันธมิตรเดินหน้าเจรจาต่อสัญญา 7-11 ย้ำชัดหุ้นจองทั่วถึง วางอนาคตหลังเจ้าตลาดขึ้นชั้นเป็นแบรนด์ไทยชั้นนำระดับโลก เปิด 6 เหตุผลดันการเติบโต ทุ่มทุน 5 ปี 7.46 หมื่นล้านบาทเร่งขยาย ชูปันผลปีละ 2 ครั้ง ด้าน
รายใหญ่-เทรดเดอร์ รับหุ้นกระจายสู่มือรายย่อยสูง มองราคา IPO ถูก โอกาสกำไร แต่อย่าเพิ่งคาดหวังเปิดโดดแรงชี้ปมเกมนี้ยังไม่ไล่สูง

(+) SGP* ขายบิ๊กล็อต25% เผยเพื่อปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัท (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ แจง "วรวิทย์ วีรบวรพงศ์" ผู้ถือหุ้นใหญ่ ขายบิ๊กล็อต 25% ให้บริษัท โฮลดิ้ง"ดับบลิว ดับบลิว" เป็นการปรับโครงสร้างภายในกลุ่มบริษัท และภายหลังการปรับโครงสร้าง การบริหารงานยังคงเหมือนเดิม

(+) TTCL ดึงพันธมิตรญี่ปุ่น ลงขันผุด Ahlone เฟส 2 (ทันหุ้น) TTCL ดึง 3 พันธมิตรจากญี่ปุ่นร่วมทุนโครงการ Ahlone เฟส 2 คาดเริ่ม COD ไตรมาส 2/2567 ขณะที่ TTCL จะได้งานก่อสร้างมูลค่า 490 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.47 หมื่นล้านบาท ดันแบ็กล็อกเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 1 หมื่น
ล้านบาท ส่งผลให้มีงานรอรับรู้รายได้ถึงปี 2567