'ก้าวไกล' โต้รัฐปมแจ้งม.112 'ธนาธร' ท้าท้าเปิดสัญญาซื้อวัคซีนโควิด

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ตัวแทนรัฐบาล เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนของ ปอท. ให้เอาผิดนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในข้อหา ม.112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีแถลงข่าวผ่านไลฟ์สดทางเฟซบุ๊กวิจารณ์การนำเข้าวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19มีเนื้อหาทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกดูถูกเกลียดชัง ว่า การกระทำของนายธนาธร เป็นการตรวจสอบรัฐบาล เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ให้การดำเนินการจัดการวัคซีนเกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด ไม่ใช่การชี้นำให้เกิดความเกลียดชังตามที่รัฐบาลกล่าวหา ซึ่ง

เรื่องนี้กรรมาธิการสาธารณสุขของสภาผู้แทนราษฎรก็เคยตั้งคำถามว่าเหตุใดรัฐบาลจึงเลือกบริษัทสยามไบโอ ไซน์ ซึ่งเป็นการตั้งคำถามปกติแต่การที่รัฐบาลเลือกใช้วิธีการนี้ตอกย้ำให้เห็นว่ามีมาตรา 112 ไว้ปิดปากผู้เห็นต่างทางการเมือง ไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์หรือเห็นต่างกับรัฐบาล เพราะส่วนตัวไม่เห็นว่าจะเข้าข่ายความผิดมาตราดังกล่าว และในข้อเท็จจริง ประชาชนก็สงสัยในเรื่องวัคซีนพระราชทาน ที่นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ออกมาเปิดเผยด้วยตัวเอง

ทั้งนี้พรรคก้าวไกลยังไม่ได้หารือแนวทางการสู้คดี อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกล เตรียมจะเสนอร่างกฎหมายกฎหมายมาตรา 112 อยู่แล้ว

“ผมขอยืนยันว่า เป็นหน้าที่และความชอบธรรมของประชาชนที่จะตั้งข้อสงสัย และเป็นหน้าที่รัฐบาลควรชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างละเอียดรอบคอบและเปิดเผยสัญญากับเอกชนทั้งหมดที่ทำ”นายชัยธวัช กล่าว

ขณะที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวเรียกร้องไปยังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้เปิดข้อมูลการสั่งซื้อวัคซีนของรัฐบาลทั้งหมดที่ทำกับเอกชน ไม่ว่ากับบริษัทสยามไบโอ ไซน์ หรือ บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า เพราะเป็นเรื่องที่สารณชนพึงรู้ เนื่องจากเป็นงบประมาณภาษีของประชาชน ตนจึงอยากจะรู้ว่าเงินที่จ่ายไปแลกกับวัคซีน 26 ล้านโดส สรุปแล้วตกราคาโดสละเท่าไหร่ และขีดความสามารถในการส่งมอบวัคซีนของบริษัทดังกล่าว คุ้มค่าหรือไม่

 “การเก็บเงียบแล้วเอามาตรา 112 มาแจ้งความกับคนที่ตั้งคำถามเป็นการกระทำที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท รัฐบาลนี้มีอดีต ผบ.ทบ.ถึง 3 คนควรสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและปกป้องพระเกียรติ ”นายวิโรจน์ กล่าว