ดูแลสีรถ ล้างรถ ยืดอายุการใช้งาน

หนึ่งในการดูแลรถ ก็คือ เรื่องของสี จึงเห็นว่าธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสีรถนั้นผุดขึ้นราวดอกเห็ดมาช้านาน และค่าบริการ ก็ไม่ใช่ถูกๆ

แต่การดูแลสีรถด้วยตนเอง ก็เป็นเรื่องสำคัญ และทำได้ไม่ยาก ถ้าหากมีเวลา

และช่วงนี้ หลายคนน่าจะมีเวลาเพิ่มขึ้น จากการทำงานแบบ “work from home” หรือแม้แต่ทำงานที่ออฟฟิศ และสภาพจราจรที่คล่องตัวมากขึ้น ก็ทำให้มีเวลาอยู่กับบ้านมากขึ้นเช่นกัน

คำแนะนำในการดูแลสีรถนั้น มีหลายวิธี หลายแนวทาง ส่วนวันนี้ เรามีคำแนะนำจาก “ฟอร์ด ประเทศไทย”  มาฝากกัน

ฟอร์ดบอกว่า เจ้าของรถหลายคนอาจจำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้นอกบ้านเป็นเวลานาน และการที่ไม่ได้นำรถไปลุยฝุ่นฝ่าการจราจรที่ไหนไม่ได้หมายความว่าสีรถจะไม่เสียหาย

 

• ดูแลรถที่จอดทิ้งไว้นาน

หากต้องจอดรถไว้นานๆ ควรหาที่จอดที่เหมาะสม เช่น โรงรถ หรือในอาคารที่ร่ม เพราะแสงแดดและความชื้น จะส่งผลกระทบต่อสภาพและอุปกรณ์รถ ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควรได้ สีรถที่จอดในที่แจ้งเป็นเวลานานจะสะสมความร้อน ก่อให้เกิดการเสื่อมสภ าพและสีตัวรถซีดเร็ว

ส่วนถ้าจอดกลางแจ้ง ควรล้างรถด้วยวิธีที่ถูกต้องอย่างสม่ำเสมอ เพราะนอกจากจะเป็นการเอาคราบสกปรกที่อาจติดแน่นและทำร้ายพื้นผิวตัวรถออกแล้ว ยังเป็นการช่วยคลายความร้อนภายในตัวรถอีกด้วย

• ล้างรถให้ถูกวิธี

ฟอร์ดบอกว่า ส่วนใหญ่ ผู้คนนิยมล้างรถตามศูนย์หรือร้านที่ให้บริการ แต่การล้างรถด้วยตนเอง ช่วยถนอมสีรถได้ดีกว่าการล้างรถด้วยเครื่องล้างรถอัตโนมัติ เพราะขนแปรงของเครื่องล้างรถมีความแข็งและด้านเกินไปจนอาจทำร้ายผิวรถได้ รวมถึงการใช้สารเคมีที่มีส่วนผสมของเม็ดเกลืออาจจะทำให้สีรถถลอกได้อีกด้วย

แต่ถ้าล้างด้วยตนเอง สามารถเลือกใช้ผ้า “ไมโครไฟเบอร์” ซึ่งสามารถจับคราบฝุ่นออกจากตัวรถโดยไม่เหลือสิ่งตกค้างบนผ้าได้

นอกจากนี้ สีของรถยนต์ยังมีความอ่อนไหวต่อของเหลวที่ใช้ในการล้าง หากใช้น้ำยาล้างจานที่มีส่วนผสมเป็นเกลือ และสารเคมีอาจมีผลเสียต่อสีรถ และส่วนประกอบที่ทำจากยางและพลาสติกได้ จึงควรเลือกใช้สบู่เหลวสำหรับล้างรถที่มีค่ากรดต่ำพอดีต่อการถนอมสีรถ สามารถช่วยหล่อลื่น และมีฟองมากเพียงพอที่จะถูคราบสิ่งสกปรกออกได้

• แยกถังน้ำ

เคล็ดลับในการล้างรถ ให้เตรียมถังน้ำสบู่สำหรับเช็ดถู และน้ำสะอาดสำหรับล้าง แยกไว้ 2 ถัง เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่น และสิ่งสกปรกกลับไปถูโดนพื้นผิวตัวถังซึ่งจะทำให้สีรถเป็นรอย

การเเช็ดควรเช็กแบบ “แนวบนลงล่าง” หรือ “ซ้ายไปขวา” ไม่ควรเช็ดวนเป็นวงกลม เพื่อให้สิ่งสกปรกหลุดออกจากตัวรถในทางเดียว

• ภัยใกล้ตัวที่ทำร้ายสีรถ

แมลง และนกสร้างรอยที่ทำความสะอาดยากได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยแมลงที่บินมาชนรถมีฤทธิ์เป็นกรด อาจกัดสีรถให้เสียหายได้ ส่วนมูลนก นอกจากมีฤทธิ์เป็นกรดแล้ว ก็ยังอาจมีเมล็ดพืช และผลเบอร์รี่ปะปนอยู่ หากไม่รีบล้าง คราบก็จะฝังแน่นบนผิวสีรถ ทำให้รถไม่สวยงามแวววาว

สิ่งสกปรกยังเกิดได้จากการเติมน้ำมันล้นถัง ฝุ่นละอองและควันในอากาศ จึงควรหมั่นปัดฝุ่น หรือทำความสะอาดด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ และที่สำคัญคือไม่ควรลากนิ้วหรือมือบนรถที่มีฝุ่นเกาะ เพราะจะทำให้ฝุ่นผง และสิ่งสกปรกต่างๆ ทิ้งร่อยรอยทำให้กำจัดยากขึ้น

ส่วนรถที่รอยขีดข่วน นอกจากการปัดฝุ่นแล้วยังควรกำจัดรอยขีดข่วนด้วยการเคลือบสีด้วย