ยุคปฏิรูป'ดิจิทัล'หนุนกำไรไอทีอินเดียพุ่ง

 ยุคปฏิรูป'ดิจิทัล'หนุนกำไรไอทีอินเดียพุ่ง

ยุคปฏิรูป'ดิจิทัล'หนุนกำไรไอทีอินเดียพุ่ง โดยบริษัทไอทีสัญชาติอินเดียรวมถึง ทาทา คอนซัลแทนซี เซอร์วิสเซส อินโฟซิส เอชซีแอล เทคโนโลยีส์ และไวโปร รายงานกำไรสุทธิรายไตรมาสเพิ่มขึ้นมากสุดเป็นประวัติการณ์

ท่ามกลางการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของอินเดีย ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับช่วงการปฏิรูปคลื่นดิจิทัลในแดนภารตะ ทำให้บริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีของอินเดียสามารถทำผลกำไรได้มากสุดเป็นประวัติการณ์ทั้งทีซีเอส อินโฟซิส และรายอื่นๆ กลับมามียอดขายคึกคักในช่วงไตรมาสสุดท้ายกันถ้วนหน้าแม้สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ยังไม่ทุเลาเบาบาง

บริษัทเทคโนโลยีด้านการสื่อสารชั้นนำของอินเดีย ซึ่งรวมถึง ทาทา คอนซัลแทนซี เซอร์วิสเซส อินโฟซิส เอชซีแอล เทคโนโลยีส์ และไวโปร สร้างเซอร์ไพรซ์แก่บรรดาผู้สังเกตุการณ์ในตลาดด้วยการรายงานผลประกอบการ รายไตรมาสสิ้นสุดเดือนธ.ค.สูงเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากบรรดาลูกค้าทั่วโลกของบริษัทเหล่านี้เร่งความพยายามต่างๆเพื่อเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัลแบบเต็มรูปแบบท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคโควิด-19

บริษัทไอทีทุกแห่งสัญชาติอินเดียรายงานกำไรสุทธิรายไตรมาสเพิ่มขึ้นมากสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะกำไรสุทธิของบริษัท4แห่งรวมกันสูงกว่า 200,000 รูปี (2,700 ล้านดอลลาร์)เป็นครั้งแรก ซึ่งลูกค้าหลักของบริษัทไอทีเหล่านี้คือบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่สัญชาติสหรัฐและเหล่าสถาบันการเงินยุโรป ซึ่งการที่บริษัทไอทีอินเดียมีกำไรเพิ่มขึ่้นมากเป็นประวัติการณ์หมายความว่ากลุ่มลูกค้าเหล่านี้มีการใช้จ่ายด้านไอทีเพิ่มขึ้นมาก

“อุตสาหกรมเทคโนโลยีอยู่ตรงกลางของกระแสคลื่นเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล โดยบริษัทจำนวนมากขึ้นเร่งปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบเพื่อรับมือกับการดิสรัปชันที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”ชิฟ นาดาร์ ประธานและหัวหน้าคณะฝ่ายกลยุทธ์ของบริษัทเอชซีแอล ให้ความเห็น โดยบริษัทเอชซีแอล มีกำไรสุทธิ 39,700 ล้านรูปี เพิ่มขึ้นปีต่อปี 34.8%

นาดาร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19นั้น เทคโนโลยีเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้บริษัทอยู่รอด และขณะที่บริษัทกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่นวัตกรรมเทคโนโลยียุคใหม่ ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องสร้างแรงบันดาลใจจากจุดแข็งของแต่ละฝ่ายและเสนอสิ่งใหม่ๆเพื่อสนับสนุนผลกระทบเชิงบวก

ทีซีเอส ผู้นำตลาด มีกำไรสุทธิปีต่อปีเพิ่มขึ้น 7.2% เป็น 87,000 ล้านรูปีและมีรายได้ 420,200 ล้านรูปี และบริษัทจะจ่ายเงินปันผลที่ 6 รูปีต่อหุ้นสำหรับไตรมาสดังกล่าว ถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้น 1 รูปีจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

“เรากำลังเข้าสู่ปีใหม่ของแนวโน้มที่สดใสที่สะท้อนว่าตำแหน่งของเราในตลาดแข็งแกร่งขึ้น และเรามั่นใจว่าคำสั่งซื้อสินค้าของเรายังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง”ราเชฐ โกปินาธาน หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัททีซีเอส กล่าว

ด้านอินโฟซิส รายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 52,000 ล้านรูปี เพิ่มขึ้น 16.6% ส่วนรายได้เพิ่มขึ้น 12.3% เป็น 259,300 ล้านรูปี ส่วนไวโปร มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 20.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็น 29,700 ล้านรูปี ขณะที่รายได้จากหน่วยงานให้บริการด้านไอทีของบริษัทขยายตัว 3.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 36 ไตรมาส

และเมื่อคิดรวมบริษัทไอทีทั้ง4แห่ง ส่วนต่างการดำเนินการเพิ่มขึ้นสองเท่า อยู่ในช่วง 21.7% ถึง 26.6% โดยมีการเติบโตของรายได้เป็นตัวนำ กำไรสุทธิของทั้ง4บริษัทรวมกันในไตรมาสดังกล่าวเพิ่มขึ้น 15.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าเป็น 208,300 ล้านรูปี

ที่ผ่านมา บริษัททั่วโลกต่างพากันยกระดับกลยุทธด้านไอที ซึ่งส่งผลดีไม่ใช่เฉพาะแต่บริษัทไอทีอินเดียเท่านั้น บริษัทไอทีระดับโลกบางแห่งก็ได้อานิสงส์จากการยกระดับนี้เช่นกัน อาทิ แอคเซนเจอร์ และแคปเจมินิ ขณะที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า ความต้องการด้านไอทีจากยุโรปจะเพิ่มขึ้นแม้ว่าสหรัฐยังคงเป็นแหล่งลูกค้าใหญ่สุดของบริษัทไอทีอินเดีย

ในช่วงปลายเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว อินโฟซิส และเดมเลอร์ ค่ายรถยนต์สัญชาติเยอรมนี ประกาศเป็นพันธมิตรด้านดคลาวน์ คอมพิวติง และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที ซึ่งการเป็นหุ้นส่วนครั้งนี้ถือเป็นการหลอมรวมจุดแข็งของทั้งสองบริษัทก่อนขยายตลาดออกไปนอกเหนืออินเดียและยุโรป

ในไตรมาสล่าสุด อินโฟซิส ลงนามข้อตกลงมูลค่า 7,100 ล้านดอลลาร์เพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้าหน้าใหม่ 139 ราย ซึ่งความเคลื่อนไหวครั้งนี้ ซาลิล พาเรก ซีอีโอและเอ็มดีอินโฟซิส มองว่า การทำข้อตกลงกับบริษัทชั้นนำของโลกทั้งแวนการ์ด เดมเลอร์ และโรลล์-รอยซ์ เป็นการขยายธุรกิจในเชิงลึกและเพิ่มขีดความสามารถแก่ธุรกิจคลาวด์ของบริษัท

ขณะเดียวกัน ทีซีเอส ตกลงเพิ่มความเป็นหุ้นส่วนกับสตาร์ อัลลิแอนซ์ กลุ่มพันธมิตรสายการบินใหญ่ที่สุดในโลก โดยเจฟฟรีย์ โก๊ะห์ ซีอีโอสตาร์ อัลลิแอนซ์ บอกว่า การเพิ่มความเป็นหุ้นส่วนกับทีซีเอสครั้งนี้ ช่วยให้บริษัทใช้รูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบแมชชีน เลิร์นนิงและเปิดโอกาสให้บริษัทนำการบริการใหม่ๆมาให้ลูกค้า

ส่วนไวโปร บรรลุข้อตกลงเมื่อไม่นานมานี้กับเมโทร บริษัทค้าส่งสัญชาติเยอรมนีเพื่อขายหน่วยงานด้านไอทีของบริษัทและพนักงาน 1,300 คนเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามเอาท์ซอร์สด้านไอที ที่มีมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์เป็นระยะเวลา 9 ปี

บรรดาบริษัทไอทีมองว่าการทำข้อตกลงขนาดใหญ่กับบริษัทข้ามชาติชั้นนำเหล่านี้เป็นโอกาสทางธุรกิจ และมองว่าการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีใช้เวลาประมาณ 3-5ปีจึงเสร็จสมบูรณ์และภาคธุรกิจจะใช้เวลา2ปีในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานเป็นระบบออนไลน์ทั้งหมด โดยการเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มขึ้นหลังจากบริษัทไอทีทั้งหลายต่างได้รับผลกระทบชั่วคราวในช่วงที่โรคโควิด-19ระบาดในอัตราสูงที่สุด จนนำไปสู่การล็อกดาวน์ทั่วโลกเมื่อเดือนมี.ค.ปีที่แล้ว