"กลยุทธ์การลงทุน"รายสัปดาห์ (18 ม.ค.64)

"กลยุทธ์การลงทุน"รายสัปดาห์ (18 ม.ค.64)

18-22 มกราคม: เข้าสู่ช่วงปรับฐาน

สรุปภาวะตลาด และมุมมองตลาดสัปดาห์นี้:

ในสัปดาห์ที่แล้ว (11-15 มกราคม) ดัชนี SET อยู่ในโหมด sideways down ซึ่งแย่กว่าที่เราคาดเอาไว้ โดยในช่วงต้นสัปดาห์ ตลาดหุ้นในประเทศยังคงได้แรงหนุนจาก i) การประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของสหรัฐโดยว่าที่ประธานาธิบดี Joe Biden ii) ตลาดน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวได้ดี และ iii) ยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศเริ่มทรงตัว ต่อมาก็เริ่มมีแรงเทขายเข้ามาในตลาดเมื่อเกิดกระแสข่าวลบจากประเด็นการใช้วัคซีน COVID-19 ในประเทศต่าง ๆ ซึ่งฉุดสินทรัพย์เสี่ยงลงอย่างชัดเจน โดยมีรายงานข่าวสองสามชิ้นเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนจาก Sinovac ของจีน ซึ่งจากผลการทดลองใช้ใน 4 ประเทศพบว่าผลยังแกว่งอยู่ นอกจากนี้ ราคาหุ้น DELTA* ที่อ่อนลงในช่วงปลายสัปดาห์ ก็เป็นตัวฉุดดัชนี SET เนื่องจากมูลค่าตลาดที่สูงมากในปัจจุบันทำให้หุ้น DELTA มีน้ำหนักอย่างมากต่อดัชนี

สำหรับในสัปดาห์นี้ (11-15 มกราคม) เราคาดว่าดัชนี SET จะย่อลงต่ออีกเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเรายังคงมองบวกกับแนวโน้มตลาดหุ้นใน 1Q64 และยังคงเป้าดัชนีไตรมาสแรกเอาไว้ที่ 1,590 จุด แต่เรามองว่าปัจจัยระยะสั้นที่เข้ามากระทบตลาดเป็นลบมากขึ้น ปัจจัยแรก คือรูปแบบของตลาดที่ไม่ตื่นเต้นง่าย ๆ อีกแล้วกับข่าวดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ และการนำวัคซีนออกมาใช้ในประเทศต่าง ๆเพราะก่อนหน้านี้ตลาดได้ discount ประเด็นเหล่านี้ไปเรียบร้อยแล้ว ปัจจัยที่สองคือข่าวเกี่ยวกับวัคซีน Sinovac และรายงานข่าวช่วงสุดสัปดาห์ว่ามีชาวนอรเวย์กว่า 20 รายเสียชีวิตหลังจากได้รับวัคซีนจาก Pfizer-BioNTech ซึ่งทำให้เกิดกระแสความไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับวัคซีนในภาพรวม ปัจจัยที่สามคือนักลงทุนน่าจะรอดูสถานการณ์ก่อนจะถึงพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของ Biden ทั้งนี้การปรับฐานของดัชนีฯ ในรอบนี้นั้น ทางเรามองความเสี่ยงทาง (downside risk) ที่ 1,465 จุด อิงการคำนวณ earnings yield gap ที่ 4.1% ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยระยะยาว 10 ปีย้อนหลัง และ EPS ตลาดหุ้นไทยปี 2563 ที่เรามองไว้ที่ 79.3 จุด

ธีมการลงทุน ปัจจัย และกระแสข่าวสำคัญที่จะมีผลกับตลาดในสัปดาห์นี้:

(-) มีความไม่แน่นอนมากขึ้นเกี่ยวกับวัคซีนป้องกัน COVID-19 นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ใช้สมมติฐานว่าจะมีการนำวัคซีนออกมาใช้ในวงกว้างทั้งในระดับโลก และในประเทศไทย ซึ่งทำให้มองว่าเศรษฐกิจมหภาคจะฟื้นตัวขึ้นใน 2H64 ดังนั้น ถ้าหากยังคงมีกระแสข่าวเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนที่ต่ำลง, ผลข้างเคียง, การเสียชีวิตหลังรับวัคซีน เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็อาจจะกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์โรคระบาดยังคงรุนแรงอยู่ในขณะนี้

(0) พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของ Joe Biden เราคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกจะชะลอตัวลงก่อนพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันพุธนี้ ซึ่งเหตุการณ์ที่มีกลุ่มผู้สนับสนุน Trump บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา และก่อกวนการประชุมสภาเพื่อรับรองชัยชนะของ Joe
Biden จะทำให้พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของ Biden ได้รับความสนใจมากกว่าปกติ

(0/+) รายละเอียดของมาตรการกระตุ้นการบริโภครอบใหม่ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี ได้ประกาศรายละเอียดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยรอบใหม่ โดยเฉพาะแผนการจ่ายเงิน 7,000 บาทเข้าบัญชีคนไทย 30-35 ล้านคน ที่เป็นผู้ใหญ่ โดยไม่รวม้าราชการ ผู้มีรายได้สูง และผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคม ซึ่งมาตรการนี้จะใช้เม็ดเงินมากถึงกว่า 2 แสนล้านบาท และจะมีผลมากกว่ามาตรการกระตุ้นการบริโภคที่เพิ่งประกาศออกมา

ระยะสั้นเน้นปรับสถานะเป็นเน้นหุ้น defensive มากขึ้น แต่ระยะยาวยังคงเน้นหุ้น value cyclical

เนื่องจากดัชนี SET กำลังจะเข้าสู่โหมด correction ในระยะสั้น เราจึงแนะนำให้นักลงทุนปรับสถานะโดยลดการถือครองหุ้น big caps และเปลี่ยนมาถือหุ้น defensive มากขึ้น อย่างเช่น i) หุ้นที่ผลประกอบการ 4Q63 มีแนวโน้มแข็งแกร่งในกลุ่มการเงิน (MTC*, SAWAD*, JMT*) และการพาณิชย์ (RS*, DOHOME*) ii) บริษัทที่เกี่ยวข้อง IT/smartphone และธีมการทำงานจากที่บ้าน อย่างเช่น JMART* และ SYNEX สำหรับภาพระยะยาว เรามองว่าการย่อลงรอบนี้เป็นแค่การ correction ไม่ใช่การที่ตลาดพลิกกลับไปเป็นขาลง ดังนั้น เราจึงยังคงแนะนำให้ซื้อหุ้น big caps และ cyclical ที่ราคาถูกเมื่อราคาหุ้นย่อลงมา