เผยผลสำรวจปชช. 87.7% ตื่นตัวป้องกันโควิด-19

เผยผลสำรวจปชช. 87.7% ตื่นตัวป้องกันโควิด-19

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เผยผลสำรวจประชาชน ตื่นตัวป้องกันตนเองจากโรคโควิด-19 สูงถึง 87.7%

นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เผยว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับ องค์การอนามัยโลก สำนักงานภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงานสถิติแห่งชาติ ทำการสำรวจพฤติกรรมตามมาตรการ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” เพื่อติดตามการปฏิบัติตนของประชาชนในการป้องกันการแพร่ระบาด การปรับตัวของสังคม ในการพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายในการปรับมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ของภาครัฐ โดยได้ส่งแบบสอบถามออนไลน์ให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) นำไปสอบถามติดตามการปฏิบัติตนของประชาชนในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

จากผลการสำรวจ เมื่อวันที่ 6-12 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา ในภาพรวมพบว่าประชาชนมีความตื่นตัวในเรื่องการป้องกันตนเองเพิ่มมากขึ้นถึง 87.7 เปอร์เซ็นต์ จาก 81.6 เปอร์เซ็นต์ ประชาชนให้ความสำคัญในการดูแลและป้องกันตนเองจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะการใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาเมื่อออกนอกบ้านหรืออยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัว สูงขึ้นถึง 94.8 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาคือ ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ 90.9 เปอร์เซ็นต์ กินอาหารร้อน ใช้ช้อนกลางส่วนตัว 90.1 เปอร์เซ็นต์ การระวังไม่อยู่ใกล้คนอื่นในระยะน้อยกว่า 2 เมตร 82.7 เปอร์เซ็นต์ และระวังไม่เอามือจับหน้า จมูก ปาก 80.7 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ ประชาชนยังหลีกเลี่ยงกิจกรรมการรวมกลุ่ม เดินทางไปยังสถานที่แออัดหรือจังหวัดที่มีการแพร่ระบาด และประชาชนส่วนใหญ่ยังมั่นใจต่อมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 จากหน่วยงานภาครัฐ เห็นด้วยกับการล็อกดาวน์จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อในชุมชน และการเพิ่มการตรวจเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มประชาชนทั่วไปให้มากขึ้น

         

นายแพทย์ธเรศฯ กล่าวต่อว่า กรม สบส.ได้กำชับให้ อสม. และอสต.ดำเนินการตามมาตรการอย่างเข้มข้นในเฝ้าระวัง การติดตาม และลงพื้นที่เคาะประตูบ้าน สื่อสารความเสี่ยงของการรับเชื้อแม้ผู้ติดเชื้อไม่มีอาการ เพื่อให้เกิดพฤติกรรมการใส่หน้ากากอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์ ติดตาม ตักเตือน แนะนำให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด และร่วมเป็นหูเป็นตาสอดส่องไม่ให้มีการจับกลุ่มมั่วสุมเล่นการพนันซึ่งจะทำให้เกิดการแพร่กระจายโรค รวมทั้ง ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบวิธีการแจ้งเบาะแสการกระทำผิดทางสายด่วนของรัฐ อาทิ ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย 1567 หรือสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599

นอกจากนี้ ยังได้จัดเตรียมแผน และให้การสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ในการดำเนินงานให้กับ อสม. และ อสต. ในการป้องกันเฝ้าระวังรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ระลอกใหม่ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัด อาทิเช่น หน้ากากอนามัย, Face Shield, Alcohol Gel, Alcohol Spray ฯลฯ อีกด้วย