JUBILE - ซื้อ

JUBILE - ซื้อ

ปรับเพิ่มผลประกอบการปี 63 และ 64 จากการฟื้นตัวที่ดีกว่าคาด

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

  • รายงานกำไร 9M63 ที่ 176 ลบ. -3%YoY จากการขายออนไลน์เพิ่มขึ้น : 9M63 บริษัทมีรายได้ 1,137 ลบ. ลดลง 12%YoY เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ประเทศไทยระหว่างวันที่ 28 มี.ค.-16 พ.ค. 63 ทำให้บริษัทฯ ต้องปิดสาขา 127 สาขาเหลือเปิดดำเนินการได้เพียง 3 สาขา โดยในเดือนมิ.. 63 บริษัทได้กลับมาเปิดทำการตามปกติ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นจาก 5% สู่ 48.4% เนื่องจากมีการขายออนไลน์และขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้นเป็นตัวหนุนอัตรากำไรขั้นต้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวลง 17% สู่ 322 ลบ. เนื่องจากการปรับลดค่าใช้จ่ายจากผลกระทบของการปิดสาขาและการใช้งบการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ บริษัทรายงานกำไร 9M63 ที่ 176 ลบ. -3%YoY และคิดเป็น 69%ของประมาณการใหม่ และบริษัทรายงานกำไร 3Q63 ที่ 96 ลบ. +55%YoY และ +175%QoQ
  • คาดผลประกอบการ 4Q63 อ่อนตัวลง QoQ จากผลกระทบของ COVID-19 : ฝ่ายวิจัยคาดว่ารายได้และกำไรใน 4Q63 จะอ่อนตัวลงจากไตรมาส 3/63 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด COVID รอบ 2 ในไทยช่วงปลายเดือน ธ.. 63 ซึ่งเป็นช่วง High Season อย่างไรก็ตามบริษัทมีการจัดงาน The legendary of CARAT and JUBILEE’s The Best Diamond Gift Fair 2020 กลางเดือน ธ.. 63 ช่วยหนุนผประกอบการ ทั้งนี้เราคาดว่ารายได้ อัตรากำไรขั้นต้น และกำไรสุทธิอยู่ที่ราว 470-500 ลบ. 48-49% และ 75-85 ลบ. ตามลำดับ
  • ปรับเพิ่มประมาณการปี 63 และ 64 : แม้ว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบ COVID รอบ 2 บริษัทได้ปรับตัวเป็นการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นโดยล่าสุดสัดส่วนรายได้จากออนไลน์เพิ่มขึ้นจาก 3-5% เป็น 10% อีกทั้งบริษัทได้จัดงาน The legendary of CARAT and JUBILEE’s The Best Diamond Gift Fair 2020 เพื่อกระตุ้นยอดขายช่วงปลายปี ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคงคาดการณ์รายได้ปี 63 ที่ 1.62 พันล้านบาทเนื่องจากบริษัทสามารถรับมือกับผลกระทบของ COVID-19 ได้เป็นอย่างดี และปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นจาก 46% สู่ 4% หลังยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้นและตลอด 9 เดือนมีอัตรากำไรขั้นต้น 48.5% ส่งผลให้เราปรับเพิ่มประมาณการปี 63 ขึ้น 51% สู่ 256 ลบ.แต่หดตัว 2%YoY ขณะที่เราปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 64 ขึ้น 8% เนื่องจากคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากการขายช่องทางออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น แต่คงรายได้ปี 64 ที่ 1.83 พันล้านบาทตามสมมติฐานเดิมเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID รอบ 2
  • คงคำแนะนำ “ซื้อพร้อมปรับเพิ่มราคาเหมาะสมปี 64 สู่ 25.00 บาท : ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสมด้วยวิธี PE Ratio โดยอิง Prospective P/E ที่ระดับ 14.7 เท่า (PE Ratio เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี+1S.D.) เพื่อให้สะท้อนถึงการฟื้นตัวของผลประกอบการ และประเมินกำไรต่อหุ้นปี 64 ที่ 1.7 บาทต่อหุ้น ได้ราคาเหมาะสมที่ 25.00 บาทซึ่งสูงกว่าราคาปิดล่าสุดจึงคงคำแนะนำ ซื้อ โดยคาดหวังอัตราเงินปันผล 4.0-4.6%ต่อปี

ความเสี่ยง : COVID-19 กลับมาระบาดรุนแรงรอบ 2

              : เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าแม้ปลดล็อกดาวน์จาก COVID-19