'อิตาเลียนไทย' ส่งหนังสือถึงนายกฯขอรัฐบาลช่วยหลังถูกบอกเลิกสัมปทาน 'ทวาย'

'อิตาเลียนไทย' ส่งหนังสือถึงนายกฯขอรัฐบาลช่วยหลังถูกบอกเลิกสัมปทาน 'ทวาย'

"สุพัฒนพงษ์" หารือนายกฯเอกชนไทยถูกเมียนมายกเลิกสัมปทานโครงการทวาย เผยอิตาเลียนไทยส่งหนังสือถึงนายกฯแล้ว รอข้อมูลเพิ่มเติมจากคณะทำงานชุดที่รมว.คลังเป็นประธาน เร่งเปิดเวที 3 ฝ่าย ไทย เมียนมา ญี่ปุ่น เจรจาพร้อมดูผลกระทบโครงการ

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยภายหลังหารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่าได้หารือกับนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษและโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายในประเทศเมียนมา ซึ่งรัฐบาลพึ่งจะมีการปรับโครงสร้างการทำงานและตั้งให้ตนเป็น ประธานกรรมการร่วมระดับสูงระหว่างไทย-เมียนมาเพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง (JHC) ซึ่งเป็นประธานคณะที่ปรึกษาในโครงการนี้ 

ซึ่งในทางนโยบายรัฐบาลยังให้ความสำคัญกับโครงการทวาย เนื่องจากได้มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จะเชื่อมต่อกับโครงการไปเป็นจำนวนมาก และโครงการทวายก็เป็นท่าเรือน้ำลึกที่จะออกสู่อันดามัน 

ส่วนกรณีที่บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ได้รับแจ้งจากคณะกรรมการบริหารงานพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทวายของ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (Dawei Special Economic Zone Management Committee (“DSEZ MC”)) ยกเลิกสัญญาสัมปทานโครงการทั้ง 7 ฉบับที่ได้รับ ตนได้รับทราบว่าทางบริษัทเอกชนของไทยได้ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้ช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งขณะนี้กำลังรอรายงานจากคณะทำงานที่เกี่ยวข้องว่ารัฐบาลสามารถช่วยเหลือได้อย่างไร 

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่าในทางปฏิบัติแล้วบริษัทเอกชนของประเทศไทยจะได้รับความคุ้มครองตามแนวทางและข้อปฏิบัติการคุ้มครองนักลงทุนอาเซียน ซึ่งคาดว่าฝ่ายกฎหมายของบริษัทเอกชนก็กำลังดูอยู่ 

"ในส่วนของรัฐบาลจะเร่งรัดการประชุมร่วม 3 ฝ่ายระหว่างไทย เมียนมา และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกลไกคณะกรรมการที่มีอยู่ในโครงการนี้ เพื่อที่จะหารือถึงปัญหาการยกเลิกสัมปทานของเอกชน รวมถึงสถานะของโครงการนี้ด้วยว่าจะพัฒนาโครงการร่วมกันอย่างไรต่อไป"

161068481460  

สำหรับวงเงินกู้ที่รัฐบาลไทยกันไว้ให้รัฐบาลเมียนมา 4,500 ล้านบาท เพื่อสร้างถนนความยาว 139 กิโลเมตรจากชายแดนกาญจนบุรีไปถึงโครงการทวาย นั้นในเรื่องนี้นายสุพัฒนพงษ์ระบุว่ารัฐบาลก็คงจะกันเงินจำนวนนี้ไว้ต่อไปเพื่อสนับสนุนให้เกิดถนนเส้นดังกล่าวซึ่งจะช่วยให้การเดินทางจากทวายมาถึงชายแดนไทยมีความสะดวก ซึ่งเป็นการลงทุนเพื่อรองรับการคมนาคมขนส่งในอนาคต