28กองทุนแห่ซื้อหุ้น OR มาร์เก็ตแคปทะลุ2แสนล.ฟาสต์แทร็กเข้าเซ็ท50

28กองทุนแห่ซื้อหุ้น OR มาร์เก็ตแคปทะลุ2แสนล.ฟาสต์แทร็กเข้าเซ็ท50

ORกำหนดช่วงราคาขายไอพีโอ 16-18 บาทต่อหุ้น  มูลค่าระดมทุน 4.8-5.4  หมื่นล้าน สรุปราคา3 ก.พ.นี้ เปิดรายย่อยจองซื้อ 24 ม.ค.-2 ก.พ  คาดเข้าเทรดในตลท.11 ก.พ. ด้านที่ปรึกษา เผย กองทุนใน-ต่างประเทศจองซื้อ 28 ราย รวม 1.7พันล้านหุ้น มูลค่ากว่า3 หมื่นล้าน

      บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)หรือ OR กำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นเป็นครั้งแรกที่ 16-18 บาทต่อหุ้น  จำนวน 3,000 ล้านหุ้น(กรณีรวมหุ้นกรีนชู 390ล้านหุ้น ) มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 10 บาท   มูลค่าระดมทุน 48,000 – 54,000 ล้านบาท (รวมหุ้นกรีนชู) ซึ่งจะเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อ 24 ม.ค.-2 ก.พ. ส่วนผู้ถือหุ้นของบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน)หรือ PTT เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรร จองวันที่ 25-28 ม.ค. ขณะที่ นักลงทุนสถาบัน จองซื้อวันที่ 3-5 ก.พ. 

       สำหรับจำนวนหุ้นที่เสนอขายครั้งนี้ 3,000 ล้านหุ้น แบ่งเป็น หุ้นจัดสรรรส่วนเกิน 390 ล้านหุ้น อีก2,610 ล้านหุ้น จัดสรรดังนี้ เสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน)หรือ PTT เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรร จำนวน300 ล้านหุ้น , นักลงทุนในประเทศ จำนวน 1,860 ล้านหุ้น ประกอบด้วยรายย่อย 595.70 ล้านหุ้น และ Cornerstone Investorsที่จองซื้อในประเทศ1,264.30 ล้านหุ้น  และ  Cornerstone Investorsที่จองซื้อในต่างประเทศ จำนวน 450 ล้านหุ้น

    

นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์(บล.) กสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน  เปิดเผยว่า ช่วงราคาจองซื้อที่ 16-18 บาทนั้น  นั้นถือว่ามีส่วนลดให้กับนักลงทุนพอสมควร จากที่บทวิเคราะห์ให้ราคาเหมาะสมที่ 20 บาทต่อหุ้น ขณะที่มีค่าP/E ที่ประมาณ 23.9 – 26.9 เท่า คำนวณจากกำไรสุทธิข 12 เดือนย้อนหลัง (ไตรมาสที่ 4 /62 -ไตรมาสที่ 3 /63) ซึ่งจะยังต่ำกว่าค่า P/Eของบริษัทจดทะเบียนที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจที่คล้ายคลึงหรือใกล้เคียงกับการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งในและต่างประเทศ:เฉลี่ยประมาณ 31.7 เท่า

สำหรับในวันนี้(15 ม.ค.)จะเริ่มมีการนำเสนอข้อมูล(โรดโชว์)แก่นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศ ส่วนสัปดาห์หน้าจะโรดโชว์แก่นักลงทุนรายย่อย  ซึ่งปัจจุบันมีนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้นOR จำนวนมาก ซึ่งสะท้อนจากนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้เข้าทำสัญญาเป็นผู้ลงทุนหลักโดยเฉพาะเจาะจง (Cornerstone Investors) ที่จองซื้อในประเทศไทยและในต่างประเทศจำนวนรวม 28 ราย ซึ่งเป็น บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)ไทย 14 แห่ง โดยบลจ.ไทยพาณิชย์ ซื้อมากสุด 239ล้านหุ้น และมี  บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน),บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน), BIC BANK LAO COMPANY LIMITED และกองทุนต่างประเทศ เช่น GIC Private ซื้อ 215 ล้านหุ้น Limited,JPMorgan Asset Management (Singapore)ฯลฯ

ทั้งนี้ OR ถือเป็นการจัดสรรหุ้นให้กับ  Cornerstone Investors ทั้งในประเทศและต่างประเทศ  มูลค่าสูงที่สุด 30,857.4  ล้านบาท หากคิดที่ราคาจองที่ 18 บาท  จำนวน 1,714.30 ล้าานบาท หรือคิดเป็นประมาณกว่า 60% ของจำนวนที่เสนอขายครั้งนี้  ขณะที่ยังไม่ได้มีการสำรวจความสนใจจองซื้อ (Bookbuilding) สำหรับปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนสนใจหุ้น OR จำนวนมาก เพราะ เป็นธุรกิจค้างปลีกน้ำมันที่มีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์)สูงสุดในประเทศ  เป็นหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่องจากการขยายสาขาร้านค้าปลีก ต่างๆ ทั้งร้านอาหารและเครื่องดื่ม สถานีบริการน้ำมัน ในประเทศและต่างประเทศ 

นายพงศ์ศักดิ์ กล่าวว่า จะสรุปราคาวันที่ 3 ก.พ. และคาดจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)วันที่ 11 ก.พ.2564 และ คาดว่าหุ้น OR เข้าจดทะเบียนแล้ว จะสามารถเข้าคำนวณในดัชนี SET 50 ได้ทันที ด้วยเกณฑ์ Fasttrack เพราะ คาดว่าจะม่ีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป)ติด20 อันดับแรกที่มีมาร์เก็ตแคปสูงสุด  หากคิดที่ราคาหุ้นที่  16-18 บาท มาร์เก็ตแคป OR จะอยู่ที่ 208,980 -216,000 ล้านบาท กรณีที่มีการจัดสรรหุ้นกรีนชู 

ส่วนเงินที่ได้จากการรดมทุนครั้งนี้  OR มีแผนนำไปขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมัน 13,300 ล้านบาท โดยมีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่ปีละประมาณ  108 แห่ง จนถึงปี 2568,ขยายธุรกิจการตลาดพาณิชย์ จำนวน 3,800 ล้านบาท ,ลงทุนในคลังเก็บผลิตภัณฑ์และศูนย์กระจายสินค้าธุรกิจน้ำมัน 8,500 ล้านบาท ,ขยายเครือข่ายร้านค้าปลีก 9,800 ล้านบาท  โดยมีแผนเปิดร้านคาเฟ่อเมซอนจำนวนประมาณ 418 แห่งต่อปีถึ ,แผนจะเปิดร้านอาหารเท็กซัส ชิคเก้น จำนวนประมาณ 20 แห่งต่อปี โดยหลักจะเป็นการเปิดร้านอาหารประเภท COCO และร้านอาหารฮั่วเซ่งฮงติ่มซำ จำนวนประมาณ 19 แห่งต่อปี ,ลงทุนในธุรกิจต่างประเทศ 5,000 – 9,500  ล้านบาท  ,ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และ/หรือชำระคืนเงินกู้ยืม(ถ้ามี) เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการของบริษัทฯ และบริษัทย่อย 679 – 8,309 ล้านบาท