ปรับสูงขึ้น

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้

คาดดัชนีฯ ปรับสูงขึ้น แนวต้าน 1560 / 1565 จุด แนวรับ 1538 / 1528 จุด แนะนำ เก็งกำไร PTTGC BCP AUCT ทางเทคนิค อยู่ระหว่างทางเลือกว่า ดัชนีฯ จะพุ่งขึ้นไปทดสอบ 1565 / 1580 จุด หรืออ่อนตัวลงมาปรับฐานที่ 1528 / 1515 จุด (แต่เราให้โอกาสสูง ที่ดัชนีฯ จะปรับขึ้นไปทดสอบ 1565 / 1580 จุด) ปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ สุนทรพจน์ของประธานเฟด Powell (แนวโน้มการดำเนินนโยบายของเฟด จะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ หากเงินเฟ้อหรือยิลด์พันธบัตรระยะยาว เร่งตัวขึ้น) และรายงานดุลการค้าจีนเดือน ธ.ค. คาดเกินดุลลดลง

ประเด็นที่มีผลต่อตลาดวันนี้

       1) สุนทรพจน์ประธานเฟด Powell จะมีผลต่อตลาดหุ้นโลก หากส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลงนโยบายผ่อนคลายการเงิน (เป็นบวกต่อตลาดหุ้น หากส่งสัญญาณคงนโยบายอัดฉีด QE และดอกเบี้ยต่ำต่อไป)

       2) จีนรายงานดุลการค้าเดือน ธ.ค. คาดเกินดุลต่อเนื่อง แต่ในปริมาณลดลง (+กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์)

       3) การเมืองสหรัฐฯ ยังคงต้องจับตากระบวนการถอดถอนทรัมป์และความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นในวันสาบานตน (-ตลาดหุ้นสหรัฐฯ)

       4) GS เตือนตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจปรับฐานในไม่ช้า หาก FED ลดวงเงิน QE (-ตลาดหุ้นสหรัฐฯ)

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้

US-Earnings: Blackrock, Taiwan Semiconductor, Delta Airline / SAMSUNG จัดงานเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่ / OPEC รายงานประจำเดือน / China-รายงานดุลการค้าเดือน ธ.ค. คาดเกินดุล USD72.35bn ส่งออก +15% YoY นำเข้า +5% YoY (Vs เดือน พ.ย. เกินดุล USD75.4bn ส่งออก +21.1% YoY นำเข้า +4.5% YoY) / Germany-GDP 2020E คาด -5.1% (Vs 2019 +0.6%) / USA-สุนทรพจน์ประธานเฟด Powell, Weekly Initial Jobless Claims คาด 780k (Vs สัปดาห์ก่อนหน้า 787k)

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวกต่อเนื่อง: ตลาดหุ้นไทยยืนในแดนบวกตลอดการซื้อขายและขึ้นไปสูงสุดของวัน ที่ 1561.66 จุด +21.81 จุด ก่อนอ่อนตัวภาคบ่ายมาปิดที่ 1547.31 จุด +7.46 จุด หรือ +0.48% วอลุ่มซื้อขาย 1.06 แสนล้านบาท นำขึ้นโดยกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค +1.87% ธนาคาร +1.55% ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ +1.3% หุ้นบวก >4% PTTEP BCP BCPG PTL MEGA SSP KWG SEAOIL VCOM TCMC UV AUCT STPI SYNTEC SGP หุ้นร่วง >4% AEONTS DELTA SINGER IMH AAV ITD

+/- ตลาดหุ้นโลกปิดผสมผสาน: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดคละ DJIA -0.03% (-8.22 จุด) S&P500 +0.23% Nasdaq +0.43% จากแรงซื้อหุ้นปลอดภัย Defensive Stocks และกังวลต่อการเมืองสหรัฐฯ โดยล่าสุดสภาล่างมีมติถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์แล้ว ก่อนส่งให้กับวุฒิสภาสหรัฐฯ พิจารณาต่อไป ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดคละ DAX +0.11% FTSE -0.13% CAC40 +0.21% เพราะวิตกต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการล็อกดาวน์ของประเทศต่าง ๆ นำลงโดยกลุ่มการเดินทาง ธนาคาร ผู้ผลิตรถยนต์

-/+ น้ำมันดิบกลับมาปิดลบ ส่วนทองกลับมาปิดบวก: ราคาน้ำมันดิบโลกปิดลบ WTI -30 เซนต์ ปิดที่ USD52.91/บาร์เรล Brent -52 เซนต์ ปิดที่ USD56.06/บาร์เรล เนื่องจากค่าเงิน USD กลับมาแข็งค่า และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นสูงกว่าคาด เป็น 4.4 ล้านบาร์เรล (Vs คาด +2.1 ล้านบาร์เรล) ส่วนราคาทองคำกลับมาปิดบวก USD10.7 ปิดที่ USD1,854.9 ต่อออนซ์ หลังจากผู้ว่าการเฟด Lael Brainard ส่งสัญญาณว่าเงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้น หลังจากเฟดยังคงการซื้อ QE ต่อเนื่อง

ประเด็นสำคัญ

+ มาตรการเยียวยา: ม.หอการค้าคาดมาตรการแจกเงิน เป็นการแก้ปัญหาถูกจุดช่วยเพิ่มกาลังซื้อได้โดยตรงและมีแนวโน้มที่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ ขยายตัวได้ 2.2-2.5% จากเดิม 2.8% (KTB คาด 2021E GDP เติบโต +2.5% คาดเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ 1.6 แสนล้านบาท จากการระบาด COVID-19 กินเวลา 2 เดือน)

+ ศบค: รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อวันพุธที่ 13 ม.ค. มีจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงจากวันก่อน โดยเพิ่มขึ้น 157 ราย (จากวันก่อนหน้า 287 ราย)

- USA: CDC กำหนดให้ผู้โดยสารเครื่องบินจากต่างประเทศทุกรายต้องมีผลตรวจเชื้อ COVID-19 เป็นลบ โดยต้องมีการตรวจเชื้อภายใน 3 วันก่อนการเดินทาง

- เยอรมนี: รมว.สาธารณสุข เผยอาจขยายเวลามาตรการล็อกดาวน์ออกไปจากสิ้นเดือน ม.ค. เป็น ต้นเดือน เม.ย. เพื่อรอให้ผลจากการฉีดวัคซีนต้าน COVID-19 แสดงผล

+/- USA Earnings: วันนี้ จับตารายงานผลกำไรของ Blackrock, Delta Airlines, First Republic Bank

+ Credit Suisse: คาดว่าตราสารทุนในตลาดเกิดใหม่จะเติบโตทันตลาดหุ้นอื่น ๆ แนะลงทุนเพิ่มเติมกลุ่มอิง Cyclical จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่วนตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่พึ่งพิงการท่องเที่ยวเป็นหลัก จนกว่าจะเปิดน่านฟ้ารับนักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดต้องรอจนถึง 2H21E

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนารายสัปดาห์: PSL PORT PTTGC

หุ้นแนะนาเก็งกาไร: PTTGC BCP AUCT

Derivatives: แนะถือสถานะ Long S50H21 ที่เปิดไว้วานนี้ (ติดตามรายละเอียดเพิ่มใน KTZ-D Report)