หนังเล่าโลก: The Prom ‘รักเธอโลกต้องรู้’

หนังเล่าโลก: The Prom ‘รักเธอโลกต้องรู้’

The Prom เป็นผลงานปี 2563 ​ของเน็ตฟลิกซ์โดยผู้กำกับ Ryan Murphy บอกเล่าเรื่องราวของ “เอ็มม่า” นักเรียนหญิงรักหญิงจากโรงเรียนมัธยมเจมส์ เมดิสัน รัฐอินดีแอนา ที่หวังใช้โอกาสงานพรอมเปิดตัวแฟนสาว “อลิสสา”

งานพรอม หรืองานจบการศึกษาของนักเรียนม.ปลายอเมริกันเท่าที่ดูจากภาพยนตร์ช่างเป็นงานที่มีความสุข หนุ่มหล่อสาวสวยแต่งตัวกันอย่างสุดเหวี่ยงและได้ควงคู่กับคนที่ชอบไปในงานสำคัญนี้ แต่ถ้างานไม่เป็นไปตามแผนถึงขนาดถูกเลือกปฏิบัติเพราะรสนิยมทางเพศ งานนี้ต้องต่อสู้กันหน่อย อย่างภาพยนตร์เรื่อง The Prom

The Prom เป็นผลงานปี 2563 ​ของเน็ตฟลิกซ์โดยผู้กำกับ Ryan Murphy บอกเล่าเรื่องราวของ “เอ็มม่า” นักเรียนหญิงรักหญิงจากโรงเรียนมัธยมเจมส์ เมดิสัน รัฐอินดีแอนา ที่หวังใช้โอกาสงานพรอมเปิดตัวแฟนสาว “อลิสสา” ซึ่งแฟนคนนี้ไม่ธรรมดาเลย

เธอเป็นลูกของนายกสมาคมครู-ผู้ปกครอง คุณแม่ผู้มีทัศนคติอนุรักษนิยมสุดๆ ดังนั้น การที่คู่รักเพศเดียวกันจะควงกันไปในงานพรอมถือเป็นเรื่องรับไม่ได้ สมาคมเห็นชอบให้ยกเลิกจัดงาน เรื่องนี้ตกเป็นข่าวใหญ่ในหน้าหนังสือพิมพ์จนไปเตะตา “ดีดีและแบร์รี” คู่พระคู่นางละครเวทีบรอดเวย์ ที่ผลงานล่าสุด “แป้ก” ถูกนักวิจารณ์สับเละว่าหลงตัวเองจนสวมบทบาทเป็นตัวละครสำคัญไม่ได้ ทั้งคู่จำต้องปรับภาพลักษณ์ของตนเองเสียใหม่

สมัยนี้ดาราต้องออกมาคอลเอาท์ในประเด็นที่สังคมสนใจ แต่เป็นเรื่องอะไรล่ะ จะเรียกร้องแก้ปัญหาความยากจนทั่วโลกก็ออกจะเกินกำลังนักแสดงละครบรอดเวย์ เอาเป็นเรื่องความอยุติธรรมที่โรงเรียนไม่ยอมจัดงานพรอมเพื่อกีดกันนักเรียนเลสเบี้ยนดูจะต่อสู้ง่ายกว่า ดีดีและแบร์รีพร้อมเพื่อนร่วมทีมอีก 2 คน จึงตัดสินใจลงพื้นที่แอนดีแอนาเพื่อต่อสู้ให้กับเอ็มม่า

บทสนทนาหนึ่งที่น่าสนใจในการประชุมระหว่างผู้ปกครองกับครูเรื่องการจัดงานพรอม ครูใหญ่อ้างว่า การห้ามจัดงานเป็นการขัดต่อค่านิยมของสหรัฐที่ได้ชื่อว่า เป็นดินแดนเสรีภาพ แต่ประธานสมาคมสวนทันควันว่า “นั่นมันสหรัฐอเมริกา แต่นี่คืออินดีแอนา” จุดประกายให้ผู้เขียนสนใจรัฐนี้หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ความว่า อินดีแอนาเป็นรัฐบ้านเกิดของ “ไมเคิล ริชาร์ด เพนซ์” หรือรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ผู้กำลังจะหมดวาระลงพร้อมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ (ถ้าทรัมป์ไม่ถูกถอดถอนเสียก่อน)

เพนซ์เรียกตัวเองว่าเป็นคริสเตียนอนุรักษนิยม เคยเป็น ส.ส.และผู้ว่าการรัฐระหว่างปี 2556-2560 กลุ่มนักเคลื่อนไหวเผยว่าระหว่างนั้นเพนซ์เคยออกกฎหมายอนุญาตให้ภาคธุรกิจปฏิเสธบริการเกย์และเลสเบี้ยนมาแล้ว

เขาเคยกล่าวด้วยว่า “สังคมจะล่มสลาย” ถ้าปล่อยให้การแต่งงานแบบดั้งเดิมระหว่างชายกับหญิงหมดความหมาย แม้สำนักงานของเพนซ์ปฏิเสธที่จะตอบสื่อว่า เพนซ์ถูกบ้านเกิดหล่อหลอมมาเช่นไร แต่ทัศนคติของผู้ว่าการรัฐแบบนี้สะท้อนความเป็นอินดีแอนาได้ส่วนหนึ่ง

ในมุมมองของนักประวัติศาสตร์อย่าง เจมส์ เมดิสัน ศาสตราจารย์เกียรติคุณด้านประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอินดีแอนนา เคยกล่าวกับลอสแองเจลิสไทม์ส ตอบข้อถามที่ว่าแอนดีแอนาเป็นรัฐอนุรักษ์สุดๆ จริงหรือ ว่า อินดีแอนาเป็นรัฐกลางๆ เปลี่ยนไปเป็นอนุรักษนิยมบ้าง เสรีบ้างตลอด 200 กว่าปีที่ผ่านมา เคยเป็นอนุรักษนิยมมากๆ ช่วงทศวรรษ 50 และ 90 รวมทั้งสมัยเพนซ์เป็นผู้ว่าการรัฐที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้ว่าการฯ หัวอนุรักษ์มากที่สุดในยุคหลังๆ แต่ผู้ว่าการฯ ปัจจุบันเปิดกว้างมากขึ้นแล้ว

ตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่าแอนดีแอนาไม่ได้อนุรักษนิยมสุดโต่งคือ เมื่อปี 2561 ชาวอินดีแอนาเลือกเจ ดี ฟอร์ด เป็นสมาชิกวุฒิสภาแห่งรัฐ เขาเป็นเกย์เปิดเผยรายแรกที่ได้รับเลือกตั้งเข้าสู่สภา

คริส พอลเซน ซีอีโอกลุ่มยุวชนอินดีแอนา ที่ขับเคลื่อนประเด็นแอลจีบีทีคิวพลัสและประเด็นเยาวชนทั่วทั้งรัฐ กล่าวว่า ชัยชนะของฟอร์ดมีความหมายอย่างยิ่งสำหรับชาวแอลจีบีทีคิวพลัส “นั่นหมายถึงพวกเราเป็นที่ยอมรับมากขึ้น มีปากมีเสียงบนโต๊ะเจรจาจากเดิมที่เคยพูดคุยกันอยู่เบื้องหลัง”

แม้จะอนุรักษนิยมยังไง โลกก็ต้องหมุนไปข้างหน้า ในเมื่อ ส.ว.รัฐก็ยังเลือกเกย์เปิดเผยมาแล้ว นับประสาอะไรกับงานพรอมที่จะมากีดกันหญิงรักหญิงไม่ให้เคียงคู่กัน ก็ในเมื่อฉันรักเธอ โลกต้องรู้...และยอมรับ