“กลุ่มสามัคคี”เพื่อไทยผงาด “ยุทธพงศ์”คุมเกมซักฟอก

ได้ฤกษ์งามยามดีที่พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคแกนนำฝ่ายค้าน จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยโฟกัสหลักไปที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม เป้าหมายเบอร์หนึ่งที่ต้อง “เช็คบิล”

ประเด็นหลักที่ “เพื่อไทย-ฝ่ายค้าน” เตรียมชำแหละรัฐบาล หนีไม่พ้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 รอบใหม่ ผลงานการจัดการการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบแรก ไม่มีอะไรจะตำหนิติเตียน “รัฐบาล” แต่รอบใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นมีแผลให้รอการชำแหละไม่น้อย

โดยเฉพาะการแพร่ระบาดมีต้นตอมาจาก “ธุรกิจสีเทา” ที่ผู้มีอำนาจจาก “สีเขียว-สีกากี” มีส่วนเข้าไปพัวพันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งการลอบนำเข้าแรงงานเถื่อน การลอบเปิดบ่อนการพนัน อยู่ที่ “ฝ่ายค้าน” จะมีทีเด็ดมากน้อยเพียงใด

“เพื่อไทย” ในฐานะพรรคแกนนำฝ่ายค้าน ซึ่งมี “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จะเป็นพรรคที่ขับเคลื่อนหลักในศึกซักฟอกครั้งนี้ แต่การวางเกมอาจไม่สะดวกเหมือนการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมาอย่างแน่นอน

แม้ "พรรคก้าวไกล" จะยังอ่อนพรรษาทางการเมือง แต่บทเรียนครั้งที่แล้ว ที่ถูกผู้อภิปรายของพรรคเพื่อไทยใช้ลีลาลากยาว กินเวลาจน ส.ส.พรรคก้าวไกล ไม่ได้ลุกขึ้นอภิปราย ทั้งที่เตรียมข้อมูลเอาไว้แล้ว ที่สำคัญยังหลงเหลือ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่รอดถูกซักฟอกไปได้หวุดหวิด เพราะมีการปิดสภาก่อน

มาเที่ยวนี้ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคประชาชาติ เปิดเผยว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติร่วมกันแล้วว่า จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจภายในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมกราคม เพื่อให้ประธานสภาฯ ได้มีเวลาตรวจสอบญัตติ และบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันการบรรจุระเบียบวาระช่วงท้ายสมัยประชุม จนถูกบีบให้เหลือเวลาอภิปรายเพียงแค่ 2-3 วัน เหมือนการยื่นอภิปรายเมื่อครั้งที่แล้ว

จับสัญญาณจาก “พ.ต.อ.ทวี” จึงมีการอ่านเกมพรรคแกนนำอย่าง“เพื่อไทย”กันว่า คราวนี้หากมีใครเล่นลูกไม้เดิม ที่เป็นข้อสงสัยว่ามีดีล-ต่อรองกับ “บิ๊กรัฐบาล” อภิปรายลากยาวจนเพื่อน ส.ส.พรรคอื่น ไม่มีเวลาเหลือให้อภิปราย คงเป็นไปไม่ได้แล้ว  ดังนั้นเที่ยวนี้เกมของ “เพื่อไทย” ย่อมเปลี่ยนไป

ที่น่าสนใจ ว่ากันว่า ศึกซักฟอกคำรบนี้มี "ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร" ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย สายตรง “นายใหญ่-นายหญิง” ได้ไฟเขียวให้เป็นคนคุมประเด็นการอภิปรายเอง

เห็นได้ชัดว่าระยะที่ผ่านมา ดีกรีของ “ยุทธพงศ์” พุ่งขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่ มีชื่อเป็นตัวเต็งนั่งตำแหน่งเลขาธิการพรรค แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธ โดยขอดัน “ประเสริฐ จันทรรวงทอง" ส.ส.นครราชสีมา พี่ชายคนสนิท นั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรคเพื่อไทยไปก่อน อีกนัยก็เพื่อช่วย(กำกับ)ดูแลหัวหน้า “สมพงษ์” อีกทาง

 

เป็นที่รู้กันว่า “ยุทธพงศ์” ตั้ง “กลุ่มสามัคคี” ขึ้นมาแบบลับๆ เลือกเฉพาะคนรู้ใจในพรรคเพื่อไทยเข้ากลุ่ม โดยการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อต้นปี 2563 “ยุทธพงศ์” มี ส.ส.ในกลุ่มสามัคคีราวๆ 10 คน กระทั่งวันนี้ ได้มีความเปลี่ยนแปลง คือขนาดของ “กลุ่มสามัคคี” มีจำนวน ส.ส. เพิ่มขึ้น จาก 10 ขยับขึ้นราวๆ 30-40

ศึกซักฟอกครั้งนี้ ต้องจับตาว่า “ผู้อภิปราย” ในโควตาของพรรคเพื่อไทย ส่วนใหญ่จะเป็น “ส.ส.กลุ่มสามัคคี” หรือไม่ ส่วน ส.ส."กลุ่มคุณหญิงหน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย จะมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่จะถูกโปรโมตให้ร่วมอภิปรายฯ

เพราะระหว่างศึกนอกพรรค ก็ยังต้องลุ้นกันอีกชอตว่าจะส่งผลต่อ “ศึกในพรรคเพื่อไทย” ที่ยังมีกลุ่มก๊วน จะปะทุรอบใหม่หรือไม่ เพราะจับอาการได้ว่า เริ่มมีการแอบให้ข่าวกระทบ “คุณหญิงสุดารัตน์” เพื่อเบรกไม่ให้ใช้วิธี "ตกปลาในบ่อเพื่อไทย" ออกไปรวมในพรรคใหม่

ส่วนงานหลักอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีความเคลื่อนไหวของ “แกนนำกลุ่มสามัคคี” จะเดินสายในนามพรรคเพื่อไทย เพื่อขอความร่วมไม้ร่วมมือกับบรรดาพรรคฝ่ายค้านด้วยกัน โดยจะหารือกับ พล.ต.อ.เสรีศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ก่อนจะเปิดโต๊ะพูดคุยกับ “แกนนำพรรคก้าวไกล” เพื่อจัดประเด็นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และกำหนดโควตาผู้อภิปรายของแต่ละพรรค

การทำหน้าที่ดิสเครดิสรัฐบาล ท่ามกลางกระแส “ดีลการเมือง” ที่ยังตามหลอกหลอนแกนนำพรรคฝ่ายค้านตั้งแต่ศึกซักฟอกครั้งที่ผ่านมา จึงต้องจับตาการชิงเหลี่ยมระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ไม่วางใจให้ “เพื่อไทย” คุมเกมอยู่ฝ่ายเดียวอย่างแน่นอน