"ชวน" ตรวจความพร้อม "สภาฯ" เตรียมเปิดประชุม สัปดาห์หน้า

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะทำงาน ลงพื้นที่งานก่อสร้างอาคารรัฐสภา พร้อมอาคารประกอบ เพื่อตรวจดูความเรียบร้อย หลังจากที่เมื่อช่วงเช้า รับฟังการรายงานความคืบหน้างานก่อสร้าง  การบริหารสัญญาโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภา ระหว่างสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กับบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) จาก นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายชวน พร้อมคณะได้ตรวจความเรียบร้อยภายในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุม ส.ส. สัปดาห์หน้า โดยมีเจ้าหน้าที่ได้ทำความสะอาดเช็ดน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณเก้าอี้ของส.ส. ไมโครโฟน และดูดฝุ่นพรมในห้องประชุม 

       ทั้งนี้ นายชวน ให้สัมภาษณ์ว่าสัปดาห์หน้าตนจะหารือกับตัวแทนฝ่ายค้านและรัฐบาล เพื่อประเมินสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19   โดยระหว่างนี้ทางสภาต้องทำความสะอาดตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค เพื่อเตรียมความพร้อมให้ส.ส.มั่นใจ ส่วนวันที่มีการประชุมสภาฯ จะขอความร่วมมือ ส.ส. ให้นำผู้ติดตามมาเพียง 1 คน เพื่อลดความแออัด  และได้กำชับฝ่ายดูแลประตูทางเข้าทุกด้านคุมเข้ม หากไม่สวมหน้ากากอนามัย จะไม่ให้เข้าภายในสภาฯเด็ดขาด

    “มีส.ส.บางคนยังไม่อยากให้เปิดประชุมสภาฯ แต่ผมได้เรียนว่าจำเป็นต้องเปิดการประชุมและให้ความมั่นใจว่าจะเตรียมความพร้อม สำหรับส.ส.ที่มาจากพื้นที่เสี่ยง หรือมีปัญหารุนแรงจะให้ทำเรื่องขออนุญาต  ขณะที่ฝ่ายแพทย์ของรัฐสภา จะมีเครื่องตรวจหาเชื้อโควิดเฉพาะ สามารถรู้ผลได้ในเวลา 15 นาที ดังนั้นผมเชื่อว่าคงไม่มีประเด็นที่เกิดปัญหา หรือมีก็ส่วนน้อย ส่วนใหญ่คงเดินทางมาได้” นายชวน กล่าว

       เมื่อถามว่า จะต้องมีการประชุมชดเชยหรือขยายสมัยประชุมวิสามัญหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า จะเพิ่มวันประชุม ในวันศุกร์ทุกสัปดาห์ ยกเว้นเป็นวันศุกร์ที่หยุดพิเศษ ส่วนการขยายสมัยประชุมวิสามัญมีความเป็นไปได้ ขณะที่การเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านที่เตรียมยื่นปลายเดือนมกราคมนั้น เชื่อว่าไม่มีปัญหา เพราะมีเวลาก่อนจะปิดสมัยประชุม วันที่ 28 กุมภาพันธ์ นี้

     นายชวน ยังกล่าวตอบคำถามกรณีของการก่อสร้างรัฐสภา ที่สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ไม่ต่อสัญญาให้ผู้รับจ้าง และต้องพิจารณาเรียกค่าปรับวันละ 12ล้านบาท ว่าตนรับรายงานล่าสุดว่า บริษัทผู้รับเหมาเชื่อว่าจะแล้วเสร็จ 30 เมษายนนี้ ส่วนข้อตกลงในสัญญานั้นเป็นไปตามมติ คณะรัฐมนตรี และกฎหมาย ซึ่งการไม่ต่อสัญญานั้นไม่ใช่เรื่องได้เปรียบหรือเสียเปรียบ

     "มีมติครม.บางอย่างที่ต้องอาศัยมตินั้น แต่ยังไม่มีความชัดเจน ต้องปรึกษาหารือต่อไป จะไปเปลี่ยนอะไรคงไม่ได้ ให้เป็นไปตามข้อตกลงของสัญญา เป็นเรื่องของฝ่ายประจำที่จะต้องตัดสิน ฝ่ายการเมืองไม่มีสิทธิ์ไปยุ่ง ส่วนเรื่องค่าปรับนั้นให้เป็นไปตามข้อตกลง เป็นไปตามสัญญา และระเบียบครม. ระเบียบราชการก็มีอยู่แล้ว ยังไม่มีการฟ้องร้องกัน" นายชวน กล่าว.