การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และการเพิ่มขึ้นของ Bond yield อาจทำให้ตลาดผันผวน

การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และการเพิ่มขึ้นของ Bond yield อาจทำให้ตลาดผันผวน

ภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน แต่การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ฯ และการเพิ่มขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond yield) อาจกระทบบรรยากาศลงทุนระยะสั้น

บรรยากาศการลงทุนในระยะกลาง-ยาว ยังคงได้รับอานิสงค์เชิงบวกจากแผนกระตุ้นและเยียวยาเศรษฐกิจของว่าที่ประธานาธิปดีสหรัฐฯ คนใหม่ โจ ไบเดน อย่างไรก็ตามการเพิ่มขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรจากคาดการณ์เงินเฟ้อที่จะเร่งขึ้น รวมถึงการแข็งค่าของเงินเหรียญฯ มีแนวโน้มกดดันต่อเงินทุนไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ในระยะสั้น อีกทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ขยับขึ้น จะกดดันต่อความน่าสนใจของการลงทุนในหุ้น (Earnings yield gap) โดยเฉพาะในกลุ่มที่ซื้อขายด้วย Valuation ที่แพงหรือ PER สูง ซึ่งทำให้นักลงทุนอาจต้องเพิ่มความระมัดระวังความผันผวนของตลาดหุ้นในระยะสั้น

กลุ่มธนาคาร คาดรายงานกำไรไตรมาส 4/63 ต่ำสุดของปี ที่ 28.2 พันล้านบาท -1% QoQ และ -36% YoY โดยหลักมาจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง (รายได้ค่าธรรมเนียมและกำไรจากเงินลงทุน) รวมถึงการตั้งสำรองที่สูงขึ้นสอดคล้องกับ NPL ทำให้กำไรทั้งปี 2563 คาดว่าจะลดลง 34% YoY อย่างไรก็ตามคาดผลการดำเนินงานปี 2564 จะกลับสู่การเติบโตที่ 8% YoY จากฐานที่ต่ำ ทั้งนี้หุ้นที่คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/63 จะเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น QoQ ได้แก่ BBL (+), TCAP (+) และ TISCO (+) โดยทางพื้นฐานเลือกธนาคารที่มีความแข็งแกร่งในฐานะการเงิน (พิจารณาจาก loan loss coverage สูง), ปันผลสูง และมี Valuation ที่น่าสนใจ ได้แก่ BBL (TP 152) และ TISCO (TP 104)

คงมุมมองเชิงบวกต่อภาพรวมตลาดในระยะกลาง-ยาว. แม้ตลาดอาจผันผวนจากความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวที่บิดเบือนภาพดัชนี แต่มีผลต่อหุ้นรายตัวในธีมลงทุนหลักที่เกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่มากนัก โดยเรายังคงมองบวกในหุ้นกลุ่ม พลังงาน, ปิโตรฯ, และการแพทย์ มากกว่าตลาด  ระยะสั้นคาดกลุ่มโรงไฟฟ้าและหุ้นปลอดภัยมีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดี แต่ให้ระวังการถูกทยอยลดน้ำหนักการลงทุน เพื่อหมุนเข้ากลุ่มที่อิงการฟื้นตัวเศรษฐกิจในระยะถัดไป

ภาพรวมกลยุทธ์ ระยะสั้นระวังแรงทำกำไรลดความร้อนแรง แต่ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อ ภาพระยะกลาง-ยาว และกลยุทธ์เลือกรายตัว โดยเน้นซื้อในเชิงตั้งรับ และหากมีการปรับลงแรง ติดตามคุณภาพลูกหนี้ และหนี้เสียจากการประกาศงบกลุ่มธนาคาร 14-21 ม.ค. // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร SCGP*, EA*, KSL*, PTG*

แนวรับ 1,520 จุด / แนวต้าน : 1,550 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

 

ประเด็นการลงทุน

J&J เตรียมเผยผลทดลองวัคซีน สามารถฉีดเพียงโดสเดียว. บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) เผยกำลังอยู่ระหว่างการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 เฟสที่สาม ซึ่งจะสามารถให้การป้องกันไวรัสผ่านการฉีดเพียงโดสเดียว กับอาสาสมัครจำนวน 45,000 คน โดยจะเปิดเผยผลการทดลองในปลายเดือนนี้

บิตคอยน์ดิ่งแรงหลุด $33,000. ราคาบิตคอยน์ดิ่งต่อเนื่องทำระดับต่ำกว่า $33,000 หลังพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการ์ใกล้ $42,000 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

โควิดดันหนี้ครัวเรือนพุ่งสูงสุดในรอบ 12 ปี. ม.หอการค้าฯ รายงานตัวเลขหนี้ครัวเรือนปี 63 รวม 4.83 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.3% สูงสุดในรอบ 12 ปี โดย 75.3% เป็นหนี้ในระบบ และอีก 24.7% เป็นหนี้นอกระบบ

คลังเร่งสรุปมาตรการเยียวยารอบใหม่. คลัง เร่งสรุปมาตรการเยียวยาโควิดรอบใหม่ ยังไม่ปฏิเสธว่าจะเป็นการแจกเงินหรือไม่ หรือจะเป็นโครงการ"เราไม่ทิ้งกัน"รอบใหม่ โดยจะไปพิจารณาในรายละเอียดก่อน

'เฟทโก้' เมินโควิดชี้หุ้นขาขึ้น - ตลาดหุ้นไทยยังเป็นขาขึ้นเหตุฟันด์โฟลว์ไหลเข้า สภาพคล่องล้น ดอกเบี้ยต่ำ วัคซีนโควิดหนุนพร้อมคงเป้าดัชนีสิ้นปีนี้ 1,600 จุด ชี้ หุ้นกลุ่มวัฏจักร "แบงก์ พลังงาน โรงกลั่น ปิโตรเคมี ไอซีที" เป้าต่างชาติซื้อ

ประเด็นติดตาม: - 13 ม.ค. : US CPI เดือน ธ.ค.// 14 ม.ค. : US Beige Book / Chinese Trade Balance// 15 ม.ค. : US Industrial Production เดือน พ.ย. // 21 ม.ค. : ECB meeting // 27 ม.ค. – ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)