ไฟต์บังคับ 'เพื่อไทย' ถึงวาระคัด 'เลือดแท้'

เรียกว่าเป็นช่วงมรสุมของ “พรรคเพื่อไทย” ในขณะนี้ก็ว่าได้ เมื่อต้องเผชิญปัญหารุมเร้า ทั้งศึกนอกศึกใน ไล่มาตั้งแต่กรณีถูกยื่นให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณายุบพรรค หากเข้าข่ายผิดพ.ร.บ.พรรคการเมือง หลังจากอดีตนายกฯ “ทักษิณ ชินวัตร” ร่อนจดหมายน้อย และอัดคลิปวีดิโอช่วยผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ และเชียงราย หาเสียง

รวมทั้งตั้งแต่ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” และแกนนำหลายคน เก็บข้าวของออกจากพรรคก็สร้างแรงกระเพื่อมภายในอยู่ไม่น้อย เมื่อ ส.ส.หลายคน นับวันรอที่จะย้ายไปอยู่บ้านใหม่ ที่“หญิงหน่อย” กำลังลงแรงก่อร่างสร้างพรรคใหม่ขึ้นมา

ปฏิกิริยาของ “สุทิน คลังแสง” ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรค ที่มีตำแหน่งประธานวิปฝ่ายค้าน ก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะกับอนาคตในเพื่อไทย

ก่อนหน้านี้ สุทินออกมายอมรับว่ากรรมการบริหารพรรคมีความเห็นแตกเป็น 2 ทาง ถึงกรณี“ทักษิณ” ช่วยผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคหาเสียง ฝ่ายหนึ่งมองว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่อีกฝ่ายกังวลว่าพรรคจะได้รับผลกระทบที่ร้ายแรงตามมา จึงมีการทำหนังสือแสดงเจตจำนงค์ต่อที่ประชุมไว้

ความเป็นไปภายในพรรคเพื่อไทยตอนนี้ จึงมีมุมมองไปคนละทิศคนละทาง ต่างจากก่อนหน้านี้ที่ทุกอย่างสั่งตรงจากบนลงล่าง ไม่มีแตกแถว แต่วันนี้พรรคกำลังเหมือนจะแตกกระสานซ่านเซ็นไปคนละทิศละทาง

เห็นได้ชัดอีกกรณี ที่ ส.ส.จำนวนหนึ่งของพรรคถอนชื่อจากการยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้วินิจฉัยสมาชิกภาพของ “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ จนทำให้ไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ศาลจะรับเรื่องไว้พิจารณา เนื่องจากมี ส.ส.ที่เข้าชื่อไม่ถึง 1 ใน 10 ของจำนวน ส.ส.เท่าที่มีอยู่ของสภาฯ

ภายในพรรคเพื่อไทยได้ตรวจสอบพบข้อเท็จจริงว่า มี ส.ส.รายหนึ่ง ล็อบบี้เพื่อน ส.ส.ที่ลงชื่อแล้ว ให้ถอนชื่อออก โดยผู้บริหารพรรคเตรียมลงโทษ ส.ส.คนดังกล่าวอย่างเด็ดขาด

สถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เป็นผลดีกับพรรค โดยเฉพาะเมื่อ ส.ส.หลายคนอยู่ในภาวะที่ ตัวยังต้องอยู่กับพรรค แต่ใจกลับไปไหนต่อไหนแล้ว

“บิ๊กเนม” ในพรรคต่างรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่อาจกำลังเมาหมัดกับปรากฎการณ์ เลือดไหลออกหรือ ถ่ายเลือด ที่จะเกิดขึ้นอีกหลายระลอก

เร็วๆ นี้ เพื่อไทยกำลังปฏิบัติการคัดคนที่เป็น “เลือดแท้” เอาไว้ และปล่อยคนที่เป็น “เลือดเทียม” ออกไป เพราะถึงจะรั้งอย่างไรก็คงไม่มีประโยชน์

ที่น่าสนใจ ต้องจับสังเกตให้ดีว่าการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลรอบนี้ "มือซักฟอก"อันดับต้นๆ ของเพื่อไทย จะถอยฉาก ลดบทบาทตัวเองหรือไม่ เพราะนั่นหมายถึงสัญญาณว่าพร้อมจะหันหลังจากกันด้วยดี