'เฟทโก้'เมินโควิดลั่นหุ้นขาขึ้น อานิสงส์ฟันโฟลว์ สภาพคล่องล้น ดอกเบี้ยต่ำ

'เฟทโก้'เมินโควิดลั่นหุ้นขาขึ้น อานิสงส์ฟันโฟลว์ สภาพคล่องล้น ดอกเบี้ยต่ำ

 "เฟทโก้"เผย ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า ลดลง 19.1% อยู่ที่ 130.63 เหตุ กังวล “ท่องเที่ยวฟื้นช้า โควิดระลอกใหม่” แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ร้อนแรง  "ไพบูลย์" ชี้ตลาดหุ้นไทยยังเป็นขาขึ้น เหตุฟันด์โฟลว์ไหลเข้า สภาพคล่องล้น ดอกเบี้ยต่ำ วัคซีนโควิดหนุน

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มี.ค. 64)  อยู่ที่ระดับ 130.63 ปรับตัวลดลง 19.1% จากเดือนก่อนหน้า  โดยปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ การท่องเที่ยวฟื้นตัวช้า รองลงมาคือสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่

ทั้งนี้แม้ดัชนีฯจะปรับตัวลดลงแต่ยังคง อยูในเกณฑ์ “ร้อนแรง” สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนเมื่อเทียบกับความเคลื่อนไหวของดัชนีตลอดทั้งปี จากนักลงทุนคาดหวังการไหลเข้าของเงินทุนเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

ส่วนหมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดธนาคาร รองลงมาคือหมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ขณะที่นักลงทุนเห็นว่าหมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ ไม่น่าสนใจลงทุนมากที่สุด รองลงมาคือหมวดแฟชั่น และหมวดสื่อสิ่งพิมพ์

นายไพบูลย์ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2564 ยังเป็นขาขึ้น เนื่องจาก เม็ดเงินลงทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าในตลาดเกิดใหม่รวมถึงตลาดหุ้นไทย และค่าเงินบาทยังคงแข็งค่า ขณะที่มาตรการคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำได้ดีี   รัฐบาลเตรียมออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ  ,บริษัทจดทะเบียน(บจ.)คาดปีหนี้จะมีกำไรเติบโตถึง 40% จากปีก่อน 

ประกอบกับตลาดหุ้นไทยมีหุ้นวัฏจักรเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ ทำให้ยังไทยยังเป็นตัวเลือกหลักของนักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่ยังมีอัพไซด์ นอกจากนี้ตลาดยังมีสภาพคล่องอยู่ระดับสูง อัตราดอกเบี้ยทรงตัวในระดับต่ำเท่าเดิม เป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุน ส่วนการเมืองในประเทศยังเป็นปัจจัยที่นักลงทุนกังวล แต่ไม่น่ามีผลรุนแรงต่อตลาด ยกเว้นจะมีประเด็นใหม่ๆเข้ามา

ดังนั้นยังคงเป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้ที่ 1,600 จุด  เพราะรอประเมินสถานการณ์เชิงบวกในระยะสั้นให้ชัดเจน เพื่อมาวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานที่สามารถทำให้ปรับขึ้นได้อีกหรือไม่ เพราะภาพครึ่งแรกปีนี้ เป็นตลาดหุ้นเป็นขาขึ้นทั่วโลก ซึ่งมีโมเมนตัมที่ดีจากปีก่อน บนความคาดหวังเรื่องวัคซีนที่เริ่มออกมารักษาไปมากกว่า 44 ประเทศทั่วโลกและจะทยอยออกมาอีกในครึ่งปีหลัง สะท้อนตลาดปรับขึ้นมาใกล้เป้าหมาย

ทั้งนี้หากมีประเด็นวัคซีนในเชิงลบ จากปัญหาทั้งเรื่องประสิทธิภาพเกิดผลข้างเคียงและการผลิตของวัคซีน รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของไบเดน ไม่เป็นตามที่นักเศรษฐกิจคาด  รวมถึงความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวเศรษฐกิจภายในประเทศ อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง ทำให้ระหว่างทางตลาดมีโอกาสพักฐานได้ แต่เชื่อว่าไม่แรง

“การไหลเข้ามาของเงินต่างชาติ จะเข้ามาซื้อหุ้นในกลุ่มวัฏจักรเศรษฐกิจที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ได้แก่ กลุ่มแบงก์ กลุ่มพลังงาน กลุ่มโรงกลั่น กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มไอซีที ส่วนครึ่งปีหลัง จะเป็น กลุ่มการบริโภค เช่น กลุ่มค้าปลีก กลุ่มรีเทล ที่จะได้รับประโยชน์จากวัคซีนป้องกันโควิด-19”