อคส.ยันเปล่าโดนยุบ ย้ำมีกำไรสะสม 700 ล้าน ปี 64 เดินหน้าพัฒนารายได้
ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ประชุมชี้แจงแผนยุทธศาสตร์ พร้อมปรับโครงสร้างใหม่ เพื่อเร่งสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ยังยืนยัน ว่า อคส.ไม่ได้ขาดทุนสะสม ส่วนข่าวยุบ อคส. แค่หารือแผนเลี้ยงองค์กรยั่งยืน
นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า กรณีที่มีข่าวสารเรื่องการ ยุบ อคส. เนื่องจากการขาดทุนสะสมนั้น เป็นข้อมูลผลการดำเนินงานในปี 2562 และจากการประชุมหารือกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา
มีประเด็นการหารือที่เกี่ยวกับการสร้างความเข้าใจและขอความร่วมมือในการสนับสนุนการดำเนินงานของ อคส.ตามแผนยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะในการสร้างรายได้ บริหารทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้ อคส. สามารถเลี้ยงองค์กรได้อย่างยั่งยืน รวมถึงปัญหาภาระค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานตามโครงการรับจำนำ ที่อาจต้องแยกออกจากบัญชีค่าใช้จ่ายของ อคส. สำหรับการประเมินผลการดำเนินงาน เนื่องจากงบแสดงฐานะทางการเงิน ของ อคส. มีกำไรสะสมมากกว่า 700 ล้านบาทในปี 2562 อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้เป็นเรื่องหลักการนโยบายบัญชี ซึ่งจะนำเรียนปรึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ได้ข้อยุติที่เป็นธรรมแก่ อคส.
"จากการประชุมหารือกับทาง สคร. ได้รับผลตอบรับที่ดี ทั้งนี้ อคส. จะเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา เดินหน้าต่อไป ลบภาพลักษณ์ที่ไม่ดีจากกระแสภายนอก เพื่อให้อคส. กลับมายืนเคียงข้างประชาชนต่อไป ”
นายเกรียงศักดิ์ กล่าวภายหลังจากการประชุมหารือกับทางผู้บริหาร พนักงาน และลูกจ้าง เพื่อชี้แจงการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ โดยการปรับโครงสร้าง เพื่อรองรับการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ซึ่งมีแนวทางดังนี้ ด้านการปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อรองรับยุทธศาสตร์ด้านต่างๆ ซึ่งได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการ อคส. เรียบร้อยแล้ว และจะดำเนินการตามกระบวนการภายในต้นเดือนม.ค.นี้
ด้านยุทธศาสตร์การสร้างรายได้ ตามแนวนโยบาย “แก้มลิง++” เป็นการแทรกแซงกลไกทางตลาด เพื่อให้เกิดความสมดุลในการสร้างราคาที่เป็นธรรม รวมถึงนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มผลผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่ม ก่อให้เกิดรายได้ทั้งกับ อคส.และเกษตรกรอย่างยั่งยืน ส่วนแผนพัฒนาคลังสินค้าและท่าเทียบเรือ มีการวางแนวทางอย่างชัดเจน โดยเริ่มจากการพัฒนาคลังสินค้าราษฎร์บูรณะ ซึ่งมีแนวทางการลงทุน เพื่อสร้างห้องเย็นสำหรับการจัดเก็บและรักษาคุณภาพของสินค้าทางการเกษตรและประมง โดยมีแผนสร้างห้องเย็นขนาดความจุ 600 ตันจะดำเนินการในปีงบประมาณ 2564 และมีแผนขยายการลงทุนเพิ่มเติม ในปี 2565 -2567 อย่างต่อเนื่อง
ส่วนแผนการพัฒนาท่าเทียบเรือ ให้ได้มาตรฐานเพื่อรองรับเรือขนส่งสินค้าขนาด 5,000 ตัน ที่จะทำให้ก่อเกิดรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 150 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะพัฒนาคลังสินค้าธนบุรีและคลังอื่นๆ เพื่อเกิดการใช้พื้นที่อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในการสร้างรายได้ให้กับองค์กร และแผนการสร้างรายได้ด้านการจำหน่ายข้าวสาร ผ่านช่องทางการกระจายสินค้าทั้งร้านธงฟ้า กลุ่มธุรกิจ โฮโรกา (HORECA) และ การตลาดแบบ Modern Trade ซึ่งแนวทางการดำเนินงานและแผนงานที่ชัดเจน ซึ่งโครงการต่างๆและแนวทางการดำเนินงานตามนโยบายเหล่านี้จะทำให้ อคส. มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน เพื่อทดแทนรายได้จากการดำเนินงานตามโครงการของรัฐบาล(โครงการรับจำนำสินค้าเกษตร)เช่นในอดีตที่ผ่านมา