ลุ้นต่างชาติหนุน ‘หุ้นไทย’ สัปดาห์หน้าขึ้นต่อ

ลุ้นต่างชาติหนุน ‘หุ้นไทย’ สัปดาห์หน้าขึ้นต่อ

กระแสเงินลงทุนต่างชาติยังดันหุ้นไทยสัปดาห์หน้า แตะ 1,500-1,565 จุด ด้านบาทอ่อนมีแนวโน้มอ่อนค่าระดับ30-30.40 บาทต่อดอลลาร์ตามสกุลเงินเอเชีย จับตาสถานการณ์โควิด-19 ในและต่างประเทศ ส่วนข่าวดีวัคซีนป้องกันโควิดกลายพันธุ์กดดันสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ

ดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้(4-8 ..63) หุ้นไทยปรับตัวขึ้นในสัปดาห์แรกของปี โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,536.44 จุด เพิ่มขึ้น 6.01% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 118,648.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.37% จากสัปดาห์ก่อน

หุ้นไทยปรับตัวขึ้นตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ตามแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนสถาบันและต่างชาติ โดยมีปัจจัยหนุนจากการที่ทางการไทยยังไม่ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ประกอบกับมีความคาดหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอย่างไรก็ดีหุ้นไทยย่อตัวลงช่วงกลางสัปดาห์ ก่อนจะดีดตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ทิศทางเดียวกับหุ้นภูมิภาคขานรับการรับรองชัยชนะของนายโจ ไบเดน และการครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสของเดโมแครต ซึ่งกระตุ้นความหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐฯ

ด้านนักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,365.01 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 1,299.85 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 4,542.48 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ1,887.62 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (11-15 .. 64) มองว่า  ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,515 และ 1,500 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,550 และ 1,565 จุด ตามลำดับ

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 การออกมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 การทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 4/63 ของบจ. ไทย รวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.. 63 ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.. 63 ของยูโรโซน ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนธ.. 63 ของญี่ปุ่น ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนธ.. 63 ของจีน

ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุ ความเคลื่อนไหวค่าเงินบาทนั้น เงินบาทอ่อนค่าลง หลังจากขยับแข็งค่าเล็กน้อยช่วงต้นสัปดาห์ตามเงินหยวนและสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ขณะที่เงินดอลลาร์มยังขาดปัจจัยใหม่ๆ มาสนับสนุน อย่างไรก็ดีเงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงตามสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชียในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ประกอบกับมีปัจจัยลบจากแรงขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีกว่าที่คาดหนุนให้มีแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ เพิ่มเติม (ก่อนรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร) ในระหว่างสัปดาห์ ธปท. มีการผ่อนคลายการทำธุรกรรมเงินบาทภายใต้โครงการ NRQC เพื่อช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินบาทที่เกิดจากการทำธุรกรรมในต่างประเทศ   

ในวันศุกร์ (8 .. 64) เงินบาทอ่อนค่าอยู่ที่ระดับ 30.05 เทียบกับระดับ 29.95 บาทต่อดอลลาร์ ในวันพุธก่อนหน้า (30 .. 63)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (11-15 .. 64) ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.00-30.40 บาทต่อดอลลาร์

ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงกระแสเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดการเงินไทย และความหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีกผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.. 63 ผลสำรวจกิจกรรมภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) สำหรับเดือนม.. 64 และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด (Beige Book) นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจเดือนธ.. 63 ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ตัวเลขการส่งออก ด้วยเช่นกัน

ส่วนความเคลื่อนไหวราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมานี้  ปิดที่ 1,891.31 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศอยู่ที่ 27,060 บาทต่อบาททองคำ

ด้านวายแอลจี บูลเลี่ยนอินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า การศึกษาจาก Pfzer และ นักวิทยาศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยการแพทย์ University of Texas Medical Branch บ่งชี้วทา/วัคซีนของบริษัท Pfizer Inc และ BioNTech มีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 กลายพันธุ์ที่สามารถแพร่เชื้อได้ในระดับสูง ซึ่งค้นพบในอังกฤษและแอฟริกาใต้

ทั้งนี้ รัฐบาลกลางสหรัฐ รัฐบาลระดับรัฐและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นพยายามเร่งการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด- 19 ข้อมูลดังกล่าวเพิ่มความหวังว่า จะสามารถควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดรุนแรงมากขึ้น

จนสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้ ราคาทองคำหลุดโซน 1,904 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (กรอบราคาในทิศทางขาขึ้น) ส่งผลให้เกิดแรงขายทางเทคนิคจนราคาทิ้งตัวลงแรกว่า 20 ดอลลาร์ต่อออนช์ทดสอบโชน 1,877 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ทั้งนี้ ราคาทองคําพยายามทดสอบแนวต้านโซน 1,900-1,904ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจจับตาว่าจะผ่านได้หรือไม่ หากไม่ผ่านอาจได้เห็นการตัวลงทดสอบแนวรับโซน1,877-1,873 ดอลลาร์ต่อออนซ์

อย่างไรก็ตามหากราคาสามารถผ่านขึ้นไปได้จะมีแนวต้านถัดไปเหนือโซน 1,918 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้  ยังคงเน้นการเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลง หากหลุดแนวรับระวังการปรับตัวย่อลง เพื่อทดสอบแนวรับถัดไปโซน 1,860 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจจำเป็นต้องขายตัดขาดทุน และแบ่งขายบางส่วนเมื่อราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แต่หากราคาผ่านแนวต้านได้สามารถถือต่อเพื่อรอขายที่แนวต้านถัดไป