ราคาทองฟิวเจอร์ดิ่ง4.1%เหตุบอนด์ยีลด์พุ่งกระทบตลาด

ราคาทองฟิวเจอร์ดิ่ง4.1%เหตุบอนด์ยีลด์พุ่งกระทบตลาด

ราคาทองฟิวเจอร์ ปิดตลาดวันศุกร์ (8ม.ค.)ร่วงลง 4.1% เพราะถูกกดดันจากการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 4.1% ปิดที่ราคา 1,835.40 ดอลลาร์/ออนซ์


ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1.1% ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563

การดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

นักวิเคราะห์ระบุว่า การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะดึงดูดให้นักลงทุนหันเข้าซื้อพันธบัตร ขณะที่เทขายทอง ในการปรับพอร์ตการลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัย

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรลดลง 140,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่ง

ทั้งนี้ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว โดยได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้มีการปลดพนักงานจำนวนมาก ท่ามกลางการแพร่ระบาดครั้งใหม่ของไวรัสโควิด-19

ก่อนหน้านี้ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 336,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และพุ่งขึ้น 654,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค.

ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 6.7% ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6.8%

กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่าในเดือนธ.ค. ภาคเอกชนมีการจ้างงานลดลง 95,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานลดลง 45,000 ตำแหน่ง

นักวิเคราะห์มองว่าตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอในเดือนธ.ค.จะเป็นปัจจัยผลักดันให้รัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เพื่อเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19

ทั้งนี้ นายไบเดนจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค. หลังจากที่สภาคองเกรสให้การรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของนายไบเดนก่อนหน้านี้

ด้านพรรคเดโมแครตสามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารอบสองในรัฐจอร์เจีย ซึ่งทำให้ทางพรรคครองอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งในทำเนียบขาว วุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะเอื้อต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ หลังจากที่ถูกขัดขวางก่อนหน้านี้จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์