MICRO - ซื้อ

MICRO - ซื้อ

ตลาดรถสิบล้อ “มือสอง” ยังมีช่องให้เจาะอีกมาก

ตลาดรถสิบล้อ “มือสอง”: กำไรดี ความเสี่ยงตํ่า

MICRO ประกอบธุรกิจหลักคือการให้บริการสินเชื่อสำหรับรถขนส่ง โดยมุ่งเน้นไปที่ “รถมือสอง” โดยจุดเด่นของธุรกิจรถบรรทุกมือสองคือ i) ดอกเบี้ยสูง และ ii) ความเสี่ยงไม่สูงมาก โดยปกติแล้วธุรกิจการปล่อยสินเชื่อรถยนต์มือสองจะคิดอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ใหม่ (ป้ายแดง) เพื่อชดเชยกับความเสี่ยงการเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่สูงกว่า แต่สำหรับรถบรรทุกมือสองความแตกต่างกับรถยนต์โดยสารบุคคล คือ รถบรรทุกเป็นรถเพื่อการพาณิชย์ที่ผู้ซื้อ (ขอสินเชื่อเช่าซื้อ) จะนำไปใช้ประกอบอาชีพที่จะทำให้มีรายได้เกิดขึ้นจากการซื้อ (เช่าซื้อ) รถบรรทุก จึงทำให้มีความเสี่ยงเรื่องของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่ต่ำกว่ากว่านั่นเอง โดยอัตราดอกเบี้ย (Loan Yield) ของบริษัทฯ เฉลี่ยปี 2560 - 62 อยู่ที่ 16.3% และต้นทุนทางการเงิน (Interest cost) ของบริษัทฯเฉลี่ยปี 2560 - 62 อยู่ที่ 5.2% ส่งผลให้ ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest margin: NIM) ของบริษัทฯเฉลี่ยปี 2560 - 62 อยู่ที่ 14.1% สำหรับสมมติฐานในประมาณการฯ เราคาด NIM เฉลี่ยปี 2563 - 65 อยู่ที่ 13.5% 13.1% และ 12.7% ตามลำดับ (สมมติฐานแบบอนุรักษ์นิยม) … เป็นธุรกิจที่กำไรดี ความเสี่ยงต่ำ แต่มีกำแพงป้องกันคู่แข่งรายใหม่ในระดับหนึ่ง เนื่องจากรถบรรทุกมือสอง เป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการตรวจสอบ และประเมินมูลค่ารถบรรทุก ซึ่งในอุตสาหกรรมฯขณะนี้ ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และ เน้นการปล่อยสินเชื่อรถบรรทุกมือสองเพียงอย่างเดียวจึงมีเพียง MICRO ส่วนผู้ประกอบการสินเชื่อรถบรรทุกรายอื่นอาทิ ASK และ THANI จะมุ่งเน้นไปที่การปล่อยสินเชื่อรถบรรทุกใหม่ (ป้ายแดง) เป็นหลัก โดย ASK และ THANI มีสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อรถบรรทุกมือสองราว 25% และ
30% ตามลำดับ

ปลดล๊อกเรื่องแหล่งเงินทุน เตรียมขยายพอร์ตเชิงรุก

เนื่องจากตลาดรถบรรทุกมือสองที่ใหญ่ราว 2 หมื่นล้านบาท และ MICRO มี Market share เพียง 5% ในปัจจุบันโดยผู้ปล่อยสินเชื่อรถบรรทุกมือสอง
ในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายเล็กๆ หลายๆราย ดังนั้น หลัง MICRO เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และฐานเงินทุนปรับขึ้นมารวมทั้งล่าสุดสถาบันการเงินที่เป็นแหล่งเงินทุนของ MICRO ขยับข้อกำหนดเรื่องเพดาน D/E ratio ให้กับ MICRO จากเดิม 1.5 เท่า เป็น 2.0 เท่า ทำให้มีโอกาสในการขยายพอร์ตสินเชื่อได้อีกมาก จากขนาดตลาดฯที่ค่อนข้างใหญ่ โดยจากสมมติฐานของเรา คาดพอร์ตสินเชื่อของ MICRO จะขยายตัวเฉลี่ย 32.6% CAGR 2563 – 66 เป็น 5,750 ล้านบาท ในปี 2566 โดยที่ในปี 2566 อัตราส่วน DE จะแตะระดับ 2.0 เท่า พอดี และคาดกำไรจะเติบโตราว 29.2% CAGR 2563 - 66

แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมเท่ากับ 5.9 บาท/หุ้น

เราประเมินราคาเหมาะสม MICRO ได้เท่ากับ 5.9 บาท โดยใช้วิธี Residual income model (Cost of Equity 6.7%, Terminal growth 3% โดย
เราคำนวณ Cost of Equity จากการคำนวณ Unlevered beta ของหุ้น ASK และ THANI)