วัคซีนป้องกันโควิด ต้องมาให้ทันเวลา

วัคซีนป้องกันโควิด ต้องมาให้ทันเวลา

ขณะนี้ทุกฝ่ายต่างรอความหวังวัคซีนโควิดที่จะเป็นพระเอกในการคลี่คลายสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เพราะวันนี้มีพื้นที่ควบคุมการระบาดสูงสุดถึง 28 จังหวัด และนับเป็นข่าวดีที่รัฐบาลได้ลงนามการจัดหาวัคซีนไปแล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในงบหมวดสาธารณสุข 4.5 หมื่นล้าน

การเริ่มต้นทำงานวันแรกของปี 2564 เริ่มต้นในสถานการณ์ที่ต่างออกไปจากปีก่อน เมื่อการระบาดของโรคโควิด-19 รอบใหม่ขยายวงกว้างเพิ่มมากขึ้น โดยจำนวนผู้ติดเชื้อต่อวันเพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่ ซึ่งข้อมูลวันที่ 4 ม.ค.2564 มีการประกาศจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 745 ราย ในจำนวนนี้ส่วนเป็นเป็นการติดเชื้อในแรงงานต่างด้าวจากการคัดกรองเชิงรุกถึง 577 คน ติดเชื้อในประเทศ 152 คน และติดเชื้อที่ตรวจพบในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 16 คน รวมแล้วขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อ 8,439 ราย

การติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำให้ภาครัฐประกาศพื้นที่สีแดงที่ควบคุมการระบาดสูงสุดเพิ่มขึ้นจากเดิมมีเพียง 1 จังหวัด มาเป็น 28 จังหวัด พร้อมทั้งออกมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะการควบคุมการเปิดให้บริการสถานที่ต่างๆ รวมถึงการที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ (ศบค.) ขยายเวลาประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่จะครบกำหนดในวันที่ 15 ม.ค.นี้ ออกไปอีก 45 วัน เพื่อรับมือสถานการณ์ที่อาจลากยาว

ขณะนี้ทุกฝ่ายต่างรอความหวังวัคซีนที่จะเป็นพระเอกในการคลี่คลายสถานการณ์ โดยความเห็นของผู้ประกอบการในหลายธุรกิจต่างระบุในเสียงเดียวกันว่าวัคซีนที่อยู่ขั้นตอนการทดลองใช้และการสั่งซื้อจะถูกส่งมาที่ประเทศไทยภายในไตรมาส 1 ปี 2564 และการกระจายของวัคซีนที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ในปีนี้ 33 ล้านคน จะทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปในทิศทางที่ดีขึ้นและจะทำให้การดำเนินธุรกิจดีขึ้นตามไปด้วย ถึงแม้ว่าหลายเสียงจะมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนก็ตาม

ที่ผ่านมารัฐบาลได้จัดเตรียมงบประมาณในหมวดสาธารณสุขวงเงิน 45,000 ล้านบาท จาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 โดยวงเงินจำนวนนี้รวมถึงการใช้สำหรับจัดหาวัคซีนให้กับคนไทยและการจัดอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลได้ลงนามการจัดหาวัคซีนไปแล้วเมื่อวันที่ 27 พ.ย.2563

รัฐบาลหลายประเทศเริ่มทยอยรับวัคซีนจากผู้ผลิตในหลายประเทศทั้งฝั่งสหรัฐ ยุโรปและจีน ซึ่งแม้ว่าการรับมอบของบางประเทศจะอยู่ในระดับการทดลอง แต่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในประเทศนั้นได้ ในขณะที่ประเทศเช่นเดียวกันเมื่อรับมอบวัคซีนมาแล้วจะต้องมีการทดลองกับอาสาสมัครชุดแรกก่อนที่มีการกระจายวัคซีนไปในส่วนต่างๆ ดังนั้นปริมาณวัคซีนที่รัฐบาลประกาศจัดหาอาจจะไม่สำคัญเท่ากับระยะเวลาที่ประเทศไทยจะได้รับวัคซีนเพื่อควบคุมการระบาดให้ดียิ่งขึ้น