Quantamental (4 ม.ค.64)

Quantamental (4 ม.ค.64)

ตลาดหุ้นขึ้นมาและจะขึ้นไปต่อแบบไร้เหตุผล ใช่หรือไม่?

ภาพรวมเดือน ธ.ค. 2563 Santa Claus rally ตามคาด

ดัชนี SET index เดือน ธ.ค. 2563 ปรับขึ้น +2.9% MoM โดยในบทวิเคราะห์ Quantamental เดือนก่อน เราประเมินว่าดัชนี SET index มีโอกาสที่จะผันผวน และพักฐานบ้างภายในเดือน ธ.ค.2563 ก่อนที่จะฟื้นตัวในช่วงปลายเดือน ธ.ค.2563 ในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปี และต่อเนื่องในอีก 2 วันทำการแรกของเดือน ม.ค. หรือที่เรียกว่า “Santa Claus rally” ซึ่งเป็นผลจากการปรับพอร์ตรับ January effect ในเดือนม.ค.นั่นเอง

Robert Shiller’s new model: Excess CAPE yield (ECY)

แม้จะยังมีปัจจัยลบจากวิกฤติโควิด-19 และตามมาด้วยการปรับลดประมาณการฯโดยนักวิเคราะห์ฯตลอดปีที่ผ่านมา แต่ดัชนี SET index กลับฟื้นตัวขึ้นแรงในช่วงปี 2563 หลังจากที่มีการ Panic sell ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นโดยไร้เหตุผล ใช่หรือไม่?

เดือน ต.ค. 2563 Robert Shiller นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล ทำการอธิบายปรากฏการณ์ที่ตลาดหุ้นฟื้นตัวทั่วโลก ท่ามกลางปัจจัยลบเรื่องวิกฤตโควิด-19 โดยการนำเสนอโมเดลใหม่ที่เรียกว่า Excess CAPE yield หรือ ECY ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Cyclical Adjusted PE (CAPE) ของเขานั่นเอง ซึ่งโมเดล ECY จะคำนึงถึงเรื่องของ Valuation และอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง โดยเราได้ทำการคำนวณ ECY ของตลาดหุ้นไทยตามสูตรคำนวณของ Robert Shiller ได้กราฟ ECY ของตลาดหุ้นไทยตามรูปที่ 5 โดย ECY ล่าสุดเท่ากับ 4.9% สูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 3 ปี และ 5 ปี ย้อนหลังที่ 3.93% และ 3.85% ตามลำดับ ขณะที่ ECY ล่าสุดที่คำนวณได้ ยังสูงกว่าค่า ECY ในช่วงปี 2561 ที่ตลาดหุ้นไทยขึ้นไปทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทะลุ 1,800 จุด โดยในปี 2561 ค่าเฉลี่ย ECY อยู่ที่ 2.48% ดังนั้นหากสถานการณ์แวดล้อมต่างๆยังเป็นไปในทิศทางที่ดี อัตราผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ในขณะนี้ แม้ว่าอัตราผลตอบแทนที่คาดหวังอาจจะไม่ได้สูงมากเช่นในอดีตก็ตาม

การตีความจาก ECY โมเดล ใกล้เคียงกับโมเดลอื่นๆของเรา

ปี 2563 เราได้ทำการแนะนำโมเดลต่างๆ หลายโมเดลด้วยกัน ทั้งที่เป็นโมเดลจากนักวิชาการชื่อดังที่ได้รับการยอมรับ รวมถึงโมเดลที่เราพัฒนาสูตรคำนวณและทำการวิจัยขึ้นมาเอง อาทิ i) Cyclical Adjusted PE (CAPE) ii) Modified-yield gap (M-yield gap) และ iii) Implied Equity Risk Premium (iERP)

เริ่มจาก CAPE ของตลาดหุ้นไทยล่าสุดอยู่ที่ 17.6 เท่า โดยค่าเฉลี่ยระยะยาวในอดีตอยู่ที่ 13.6 เท่า และ +1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีตอยู่ที่ 19.9 เท่า ทั้งนี้หากอิง ECY โมเดล มีโอกาสที่ CAPE จะสูงกว่ากรอบบนได้เช่นกัน ด้วยสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันมาก ขณะที่ M-yield gap (ซึ่งเป็นโมเดลที่เราพัฒนาและวิจัยขึ้นมาเอง มีหลักการใกล้เคียงกับ ECY โมเดลของ Robert Shiller แต่จะเป็นการมุ่งพิจารณาระยะเวลาการลงทุนที่สั้นกว่า) ล่าสุดเท่ากับ +0.36 จุด โดยค่า M-yield gap ที่สูงกว่า 0 ชี้ว่าอัตราผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุนในตลาดหุ้นน่าสนใจกว่าตลาดพันธบัตร และท้ายสุด iERP ล่าสุดเท่ากับ 3.25% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 4.1% แต่ยังสูงกว่า -1.5 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีตที่ 3.1%

โดยสรุปแล้วจากทุกโมเดล เราประเมินว่าตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันแม้จะไม่ได้ถูกมาก แต่ยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้สำหรับการลงทุน

Momentum ยังหนุนให้ไปต่อได้

หลังจากที่พิจารณาปัจจัยเรื่อง Valuation แล้ว ตลาดหุ้นไทยยังพอที่จะลงทุนได้ เราทำการพิจารณาปัจจัยเรื่อง Momentum เพิ่มเติม พบว่า Cross – asset class momentum หรือ CAC factor ยังคงเป็นบวกต่อเนื่องจากเดือนก่อน โดย i) อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดพันธบัตรย้อนหลัง 12 เดือนเป็นบวก+0.244% ต่อเดือน และ ii) อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นย้อนหลัง 3 เดือน เป็นบวก +5.4%ต่อเดือน ดังนั้นจาก CAC โมเดล เราประเมินว่าตลาดหุ้นไทยยังสามารถลงทุนต่อได้

ความน่าจะเป็นที่จะเกิด January effect หลังจากที่เกิด Santa Claus rally ไม่สูงมาก

เราทำการศึกษาข้อมูลย้อนหลังพบว่าปีใดก็ตามที่เกิด Santa Claus rally โอกาสที่จะเกิด January effect จะมีเพียง 57% เราคาดว่าเหตุที่เป็นเช่นนั้นเนื่องมาจากนักลงทุนได้ทำการเก็บหุ้นปรับพอร์ตเสร็จสิ้นก่อนเดือน ม.ค. แล้ว ความจำเป็นที่จะต้องซื้อหุ้นในเดือน ม.ค.จึงลดลง … อย่างไรก็ดี การจะสรุปว่าเกิด Santa Claus rally จะต้องพิจารณาอีก 2 วันทำการแรกของเดือน ม.ค.ด้วย

Sideway รอจังหวะซื้อตอนย่อ

แม้ว่าเราจะประเมินว่าตลาดหุ้นไทยยังได้แรงหนุนจาก Momentum ที่ยังแข็งแกร่ง แต่เราไม่คาดว่าอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะสั้นจะสูงมากนัก เนื่องจาก Valuation ที่ไม่ได้ถูกมาก ดังนั้นภาพรวมของดัชนี SET index ในเดือน ม.ค. จึงน่าจะเป็นการ Sideway

ในด้าน Technical analysis เราประเมินแนวรับของดัชนี SET index ไว้ที่ 1,425 จุด และ 1,385 จุด / แนวต้าน 1,480 จุด และ 1,500 จุด หุ้นเด่นได้แก่ AH STA และ JMART … ทั้งนี้นักลงทุนอาจพิจารณาเลือกหุ้นเด่น 20 อันดับแรกจาก Quantamental โมเดลของเรา