จุดเปลี่ยน 'ท่องเที่ยวไทย' รอจังหวะเปิดรับต่างชาติ

จุดเปลี่ยน 'ท่องเที่ยวไทย'  รอจังหวะเปิดรับต่างชาติ

“1.2 ล้านล้านบาท” คือเป้าหมายรายได้รวมท่องเที่ยวไทยจากตลาดในและต่างประเทศปี 2564 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ไว้เช่นนั้น

โดยแบ่งเป็นรายได้ตลาดในประเทศ 7 แสนล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวไทย 120 ล้านคน-ครั้ง และรายได้ตลาดต่างประเทศ 5 แสนล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดการณ์ว่าจะเดินทางเข้าไทยไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน

แม้จะเป็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้นจากคาดการณ์ปี 2563 ซึ่ง ททท.ประเมินว่ารายได้รวมน่าจะปิดที่ตัวเลข 8.3 แสนล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ตลาดในประเทศ 5 แสนล้านบาท จากนักท่องเที่ยวไทย 95 ล้านคน-ครั้ง และรายได้ตลาดต่างประเทศ 3.3 แสนล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน ซึ่งสะสมไว้ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2563 ก่อนรัฐบาลจะประกาศล็อคดาวน์เมื่อปลายเดือน มี.ค.ของปีที่แล้ว แต่เมื่อนำรายได้รวมปี 2564 เทียบกับปี 2562 ซึ่งทำสถิติสูงสุด 3.01 ล้านล้านบาทแล้ว พบว่าเป็นการฟื้นตัวเพียง 40% เท่านั้น

อย่างไรก็ตามนี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญของการ “รีสตาร์ท” ภาคท่องเที่ยวไทยอีกครั้ง!

ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะเห็นในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะไกลซึ่งมีดีมานด์ต้องการเดินทางเข้าไทยพอสมควร โดยจากผลสำรวจจาก ททท.สำนักงานลอนดอนระบุว่าประเทศไทยติด 1 ใน 10 จุดหมายปลายทางที่ชาวอังกฤษต้องการเดินทางมาเยือนในช่วงฤดูร้อนกลางปี 2564

ด้านมุมมองจากภาคเอกชน ชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า แนวทางขับเคลื่อนฟื้นฟูท่องเที่ยวไทยฝ่าวิกฤติโควิด-19 ของ สทท.จะมุ่งเพิ่มโอกาสการอยู่รอดให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวให้ได้มากที่สุด ผ่าน 5 แนวทางหลัก ได้แก่ 1.Medical Tourism ยกระดับท่องเที่ยวไทยสู่ Tourism Hub ของโลก ด้วยการชูท่องเที่ยวไทยปลอดภัยอันดับ 1 ของโลก เชิดชูสาธารณสุขของไทย ความเก่งของแพทย์ไทย และความร่วมมือของคนไทย เพื่อเจาะกลุ่มท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ คนรักสุขภาพทั่วโลกต้องเลือกเมืองไทยเป็นจุดหมายปลายทางแรกในการเดินทาง

2.Tourism for Thai กระตุ้นไทยเที่ยวไทยผ่านบริษัทนำเที่ยว เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการนำเที่ยว ภายใต้ความร่วมมือของสมาคมและหน่วยงานจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาค 3.Tourism Clinic สร้างนโยบายจากผู้ประกอบการ ด้วยการจัดคลินิกรับฟังปัญหาเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการตามระดับปัญหาและความต้องการ ทั้งด้านการเงิน เทคโนโลยี กลยุทธ์ บุคลากร และการตลาด

4.Tourism Subsidies กระตุ้นการท่องเที่ยวให้ครอบคลุมทุกสาขาอาชีพ ด้วยการเสนอขอให้ภาครัฐปรับงบประมาณกระตุ้นการท่องเที่ยวให้ครอบคลุมทุกสาขา อย่างโครงการเราเที่ยวด้วยกันและโครงการคนละครึ่งเป็นโครงการที่ดี แต่ สทท.ต้องการให้ภาครัฐเพิ่มประเภทบริการท่องเที่ยวในมิติอื่นๆ เช่น รถนำเที่ยว ทัวร์รายวัน นวดสปา เรือโดยสาร สวนสนุก เป็นต้น เพื่อกระจายรายได้และให้โอกาสผู้ประกอบการท่องเที่ยวประเภทอื่นๆ ได้มีสิทธิเข้าถึงงบประมาณกระตุ้นจากภาครัฐ

และ 5.Tourism Platform เพิ่มโอกาสการขายให้ผู้ประกอบการ ด้วยการผลักดันแพลตฟอร์มและนวัตกรรมไทย โดย สทท.จะวาง Big Picture ของระบบและให้ Travel Tech ต่างๆ มาเชื่อมโยงกันให้เกิดอิมแพ็คทางการตลาดครั้งใหญ่และสร้างบิ๊กดาต้าเพื่อบริหารจัดการด้านกลยุทธ์อย่างมีประสิทธิภาพ

และเมื่อเจาะเป็นรายกลุ่มธุรกิจ สันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย บอกว่า ธุรกิจการบินและท่องเที่ยวจะเป็นเครื่องยนต์สำคัญที่ช่วยรีสตาร์ทการฟื้นฟูของโลกใบนี้ ทั้งบทบาทหน้าที่ในการกระจายวัคซีน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจากการกลับมาเดินทางของนักท่องเที่ยวซึ่งจะช่วยกระจายรายได้ไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ ในมุมธุรกิจสายการบินจึงขอเสนอให้มี “การเปิดประเทศ” เพื่อรีสตาร์ทเศรษฐกิจประเทศไทย!

สำหรับแนวทางในการรีสตาร์ท ไทยแอร์เอเชียมีข้อเสนอแนะ 3 ข้อซึ่งต้องดำเนินควบคู่กับการรักษาสมดุลการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้แก่ Get Ready ต้องทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคท่องเที่ยวอยู่ต่อไปได้ เพื่อรักษาการจ้างงานและเตรียมตัวให้พร้อมรอวันทราฟฟิกการเดินทางกลับมา ทั้งธุรกิจสายการบิน โรงแรม ขนส่ง สนามบิน และอื่นๆ เพราะทุกอย่างเกี่ยวโยงกันไปหมด

Promote Safety เป็นสิ่งที่ประเทศไทยทำได้ดี ต้องโปรโมทเรื่องนโยบายด้านสาธารณสุขต่อไปเพื่อให้ชาวต่างชาติเห็นว่าไทยเป็นจุดหมายที่ปลอดภัย และ Build Infrastructure ต้องเตรียมความพร้อมและพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โรงพยาบาล และบริการทางการแพทย์ต่างๆ ในไทยเพื่อรองรับดูแลผู้ติดเชื้อ และผู้ที่ต้องการเข้ามารับบริการวัคซีนในไทย

ฟากกลุ่มธุรกิจโรงแรม มาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) มองว่า ความท้าทายของปี 2564 คือ “วัคซีนป้องกันโควิด-19” ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดเร็วที่สุดน่าจะมีการเดินทางเข้าไทยช่วงกลางปี 2564 ช้าสุดคือช่วงปลายปี 2564