'โควิด' ยก2 - 'ศึกซักฟอก' แนวรบ ต้นปี 'รัฐบาล'

'โควิด' ยก2 - 'ศึกซักฟอก' แนวรบ ต้นปี 'รัฐบาล'

ก้าวเข้าสู่ปี64 ที่ต้องเรียกว่าเป็นปีที่ยากและท้าทาย สำหรับ "รัฐบาล" อย่างขีดสุด ทั้งเรื่องการรับมือ "โควิด" และ "ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ" ของ "ฝ่ายค้าน" และน่าเป็นห่วง หากเกิดปัจจัยแทรกซ้อนขึ้นในระหว่างนี้

จังหวะที่ "ม็อบราษฎร" ประกาศพักรบตั้งแต่ช่วงก่อนปีใหม่ "รัฐบาล" ก็หวังใจว่ากว่า "ม็อบ" จะจุดกระแสขึ้นมาใหม่ คงจะกินเวลาของปี 64 ไปไม่น้อย

แทนที่ "รัฐบาล" จะได้โอกาสหายใจหายคอ จากการพักการชุมนุมบนท้องถนน ก็ต้องยกการ์ดสูงสู้กับเชื้อไวรัสที่มองไม่เห็นกันอีกครั้ง

เมื่อไวรัส "โควิด-19" หวนระบาดในประเทศรอบใหม่ จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงกว่ารอบก่อน จนประเทศเสียโอกาสในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจอย่างน่าเสียดาย ในช่วงเทศกาลปีใหม่ สืบเนื่องจากการเล็ดลอดเข้าเมืองของแรงงานผิดกฎหมาย ส่งผลให้ .สมุทรสาคร กลายเป็นพื้นที่สีแดง หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด

นอกจากนั้น ยังมีผู้ติดเชื้อกระจายตัวเกินครึ่งประเทศ เนื่องจากปัญหาที่ซุกใต้พรมจำนวนมากโดยเฉพาะผู้เกี่ยวข้องหรือเจ้าหน้าที่รัฐบางคนหรือไม่ ที่ปล่อยปละละเลย หรืออาจมีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่อง "แรงงานผิดกฎหมาย"  ตั้งแต่พื้นที่ตามแนวชายแดน เรื่อยมาถึงพื้นที่ชั้นใน

รวมถึงกรณีที่เพิ่งเกิดขึ้นที่ .ระยอง ที่มีผู้ติดเชื้อจากบ่อนการพนันแห่งหนึ่ง โดยมีข้อมูลว่าต้นตอมาจากต่างด้าวที่เล็ดลอดเข้ามาทางพื้นที่ชายแดนตะวันออก เพื่อมาทำงานในบ่อนดังกล่าว

จึงพูดได้ว่า การระบาดรอบใหม่ที่ลุกลามอย่างรวดเร็ว จนมีแนวโน้มว่าอาจจะต้องล็อกดาวน์เกิดขึ้น ทั้งที่ "รัฐบาล" พยายามจะใช้การล็อกดาวน์ทั่วประเทศเป็นทางเลือกสุดท้าย แต่แนวโน้มของสถานการณ์ที่ค่อยๆ พบการระบาดในวงกว้าง

โดยเฉพาะช่วงปีใหม่ที่ผู้คนเดินทางไปมาต่างจังหวัดจำนวนมาก จึงน่าวิตกว่าเชื้อจะกระจายครบทุกจังหวัดในไม่ช้าหรือไม่ ก็เป็นไปได้ที่คนไทยอาจต้องเจอมาตรการเจ็บแต่จบอีกหรือไม่

เพราะการระบาดรอบนี้ หากทอดเวลานานเท่าไหร่ ย่อมกระทบเศรษฐกิจมากขึ้นเท่านั้น ทั้งที่การฟื้นตัวจากการระบาดครั้งก่อน ยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่ จนกังวลว่า "รัฐบาล" อาจต้องกู้เงินเพิ่มอีกมากแค่ไหน หรือไม่

ในปี 64 จึงเป็นความท้าทายของรัฐบาล ว่าจะบริหารจัดการการระบาดได้ดีและรวดเร็วแค่ไหนเพราะถ้าสถานการณ์ยืดเยื้อ หรือระบาดรุนแรงยิ่งขึ้น หลายอาชีพและอุตสาหกรรมจะรับผลกระทบ ทำให้ "รัฐบาล" ต้องควักเงินงบประมาณมาดูแลเยียวยาอีกจำนวนมาก

ขณะที่แนวรบอีกด้านคือในสภา ที่ "ฝ่ายค้าน" เตรียมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ถึงขนาดคุยเอาไว้ใหญ่โตว่าอาจทำให้ถึงขั้นช็อค เอาเข้าจริง ไม่ว่าข้อมูลที่ "ฝ่ายค้าน" จะชำแหละเปิดแผลรัฐบาล หรือตัว "นายกรัฐมนตรี" จะสร้างความน่ากังขาให้กับ "ฝ่ายบริหาร" เพียงใดก็ตาม

การเปิดอภิปรายของ "ฝ่ายค้าน" หลายครั้งที่ผ่านมา ก็น่าข้องใจว่าทำไม  "แกนนำรัฐบาล" สำคัญที่ถูกลากขึ้นเขียง กลับรู้แนวข้อสอบล่วงหน้า ราวกับมีติวเตอร์ชั้นดีที่มาจากฝ่ายตรงข้ามหรือไม่อย่างไร

บางกรณี "ฝ่ายค้าน" โหมโรงเรียกแขก ว่ากำลังลับมีดรอเชือด "ฝ่ายบริหาร" คนนั้นคนนี้กลางสภา แต่สุดท้ายคนที่ตกเป็นเป้า กลับถูกถอดชื่อไปเสียดื้อๆ  นั่นอาจเป็นเพราะ "รัฐบาล" รู้วิธีรับมือ หรือมีเครื่องมือ หรือมีคนพิเศษ ที่ทำให้ "ฝ่ายค้าน" แรงม้าลดฮวบ แทบจะไร้พิษสงลงอย่างมีนัยสำคัญ

เสียงในสภาของ"ฝ่ายรัฐบาล" พ้นจากภาวะเสียงปริ่มน้ำมานานแล้ว การจะแพ้โหวตย่อมมีโอกาสน้อย เว้นแต่มีกรณีเกิดปัญหาภายใน "พรรคร่วมรัฐบาล" กันเอง จนมีการโหวตสวน ก็มีโอกาสที่รัฐบาลจะล้มไม่เป็นท่า

ถ้าเทียบแนวรบที่ "รัฐบาล" ต้องเผชิญ ระหว่าง "ศึกซักฟอก" และการรับมือ "โควิด" รอบใหม่อย่างหลังดูน่าเป็นห่วงมากกว่า เพราะคนทุกหย่อมหญ้าเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ถ้าปล่อยไว้นานแรงกดดันทุกอย่างจะกลับมาที่ "รัฐบาล"

ดังนั้น เรื่องโควิด จึงไม่ใช่เรื่องกระจอกอย่างที่ใครเคยบอก หากประมาท "การ์ดตก" ก็มีสิทธิ์โดนน็อคได้ไม่ยาก