ค้านประกัน 4 โจ๋รุมทำร้ายนักเต้นแชมป์โลก ฝากขังบ่ายวันนี้ เผยโซเชียลรุมด่ายับ

ตำรวจค้านประกัน 4 โจ๋รุมทำร้ายนักเต้นแชมป์โลกปางตาย เตรียมส่งฝากขังบ่ายวันนี้ แม่ผู้ก่อเหตุยอมรับถูกโซเชียลรุมด่ายับ

พนักงานสอบสวน สภ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ค้านประกันตัว 4 โจ๋รุมทำร้าย “แบงค์” รองแชมป์นักเต้นฮิปฮอประดับโลก ปางตายคาร้านอาหาร พร้อมประสาน รพ.ตรวจเชื้อโควิดก่อนส่งฝากขังบ่ายวันนี้ ขณะเทศบาลนำ จนท.ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อห้องขังและรอบโรงพักป้องกันโควิด หลัง 3 ผู้ต้องหามาจากพื้นที่เสี่ยง

ความคืบหน้ากรณีที่มีกลุ่มวัยรุ่นชายประมาณ 4-5 คน ร่วมกันรุมทำร้ายร่างกาย นายนพรัตน์ บุญรัตน์ หรือแบ๊งค์ อายุ 23 ปี หนุ่มหน้าตาดี ชาวอ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งปัจจุบันเรียนอยู่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เคยเป็นตัวแทนนักกีฬาของประเทศไทย ไปแข่งเต้นในหลายประเทศ ล่าสุด เมื่อปี 2561 ได้คว้ารางวัลเหรียญเงิน รองแชมป์โลกประเภทนักเต้น Hip Hop Doubles ที่ประเทศโปแลนด์ ด้วยการกระทืบเตะต่อย ใช้ขวดตีหัว และเก้าอี้ฟาดซ้ำหลายครั้งจนได้รับบาดเจ็บสาหัสกะโหลกศรีษะร้าว ขณะไปนั่งรับประทานอาหารกับพี่ชายที่ร้านแห่งหนึ่งใน อ.ละหานทราย เมื่อคืนวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา (29 ธ.ค.63) ญาติได้พาวัยรุ่นทั้ง 4 คน ที่ร่วมกันก่อเหตุทำร้ายร่างกายนายนพรัตน์ เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ละหานทราย หลังถูกออกหมายจับและถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ล่าติดตามกดดันอย่างหนัก

ล่าสุดวันนี้ (30 ธ.ค.63) ร.ต.อ.อนุสรณ์ ศรีพรหม รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ละหานทราย ได้ทำการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ประกอบไปด้วย นายวรพล กงค์ประโคน หรือมอส อายุ 23 ปี , นายวิกรม กงค์ประโคน หรือ กล้า อายุ 22 ปี สองพี่น้อง , นายอนุชา ทองโปรด หรือตาล อายุ 20 ปี และสนธยา กงทอง หรือโจ อายุ 22 ปี เพื่อประกอบสำนวนคดี โดยทำการแยกสอบทีละคน ซึ่งหลังจากสอบปากคำเสร็จก็จะประสานทางโรงพยาบาลมาทำการตรวจหาเชื้อโควิดผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากมีผู้ต้องหา 3 คน เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง พร้อมกันนี้ก็ได้ประสานเจ้าหน้าที่จากเทศบาลต.ละหานทราย มาทำการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อตามจุดต่างๆ ภายในโรงพักด้วย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโควิดด้วย

ขณะที่ญาติของผู้ต้องหาก็ได้เดินทางมาเยี่ยมที่โรงพัก โดยนางนิตยา แม่ของนายอนุชา หรือตาล หนึ่งในผู้ต้องหา บอกว่า ที่พาลูกชายมามอบตัวเพราะไม่อยากให้ลูกหลบหนีอยากให้ยอมรับในสิ่งที่ทำ แต่ลูกชายก็ยืนยันกับตำรวจ และบอกกับตนเองว่าวันเกิดเหตุได้ไปเที่ยวและอยู่ในเหตุการณ์จริง แต่ไม่ได้ร่วมลงมือทำร้ายด้วย ช่วงที่ชุลมุนลูกชายกำลังจีบสาวอยู่ที่โต๊ะ แต่ก็ต้องยอมรับเพราะอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ซึ่งตนเองก็ไม่ได้เข้าข้างลูกผิดก็ว่ากันไปตามผิด ก็รู้สึกเสียใจและตั้งใจจะไปเยี่ยมคนเจ็บและขอโทษครอบครัวผู้บาดเจ็บด้วย ก็เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ถ้าลูกของตัวเองถูกทำร้ายก็ต้องรู้สึกเหมือนกัน ซึ่งตนเองก็ไม่ได้อยากให้ลูกเป็นแบบนี้ก็บอกลูกว่าเมื่อไหร่ที่เป็นพ่อแม่คนแล้วจะเข้าใจว่ามันทุกข์และเจ็บปวดแค่ไหน ยอมรับว่าตอนนี้ถูกญาติของผู้บาดเจ็บรวมถึงโซเชียลรุมด่าแบบเสียหาย ก็เสียใจแต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรก็อยากให้สังคมเข้าใจว่าไม่มีใครอยากให้ลูกเป็นแบบนี้

เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 4 คนถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นนั้นได้รับอันตรายสาหัส” โดยเบื้องต้นได้คัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน เพราะเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และจะทำเรื่องส่งฝากขังศาลจังหวัดนางรองช่วงบ่าย