'จักรทิพย์-ธรรมนัส'คอนเนคชั่น ลุยขยายฐาน'กทม.'

ถึงแม้ว่า "ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รับผิดชอบงานด้านปฏิบัติการ จะไม่มีชื่อเป็นรัฐมนตรี ที่ถูกตั้งฉายา ประจำปี 2563 จากสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลก็ตาม ต่างจากเมื่อปี 62 ที่ "ธรรมนัส" ได้ฉายาจากสื่อไปว่า "เทามนัส" ก็ตาม

นั่นไม่ใช่เรื่องที่ "ธรรมนัส" จะยี่หระกับสายตาผู้คนที่มองเขาในแง่ลบ ยังคงเดินหน้างานการเมืองอย่างต่อเนื่อง ดูแล ส.ส.ในพรรคหลายพื้นที่ แบบที่ทำให้ใครต่อใครหน้าชื่นตาบาน

นอกจากฐานที่มั่นสำคัญของ "ธรรมนัส" ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะ "พะเยา" แล้ว

ในช่วงหลังมานี้ นับตั้งแต่ชื่อของ "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา โผล่เป็นแคนดิเดตเตรียมลงสมัครเลือกตั้ง "ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร" ด้วยแรงสนับสนุนของ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่หมายตาเลือก "น้องเลิฟ" ที่เพิ่งเกษียณอายุราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ในเมื่อ "บิ๊กป้อม" เคาะชื่อ "จักรทิพย์" ฟาก "ธรรมนัส" ก็กระโดดเข้ามาพร้อมเป็นแบ็กอัพทันทีเพื่อลุยสนามเมืองหลวง

ด้วยสถานะเป็นรองหัวหน้าพรรคฯ ด้านปฏิบัติการ จึงอาจจะอ้างตัวได้ว่า สามารถลงไปลุยงานการเมืองได้ทุกที่ทั่วไทย รวมถึงศึกชิง "ผู้ว่าฯกทม." ก็เช่นเดียวกัน

ว่ากันว่า "จักรทิพย์" และ "ธรรมนัส" ที่ต่างฝ่ายต่างมากคอนเน็กชั่น อาจมีเคมีบางอย่างที่สามารถจูนกันได้ พูดภาษาเดียวกันรู้เรื่อง หรือมองตาก็รู้ใจ เพื่อร่วมกันขยายงานบางอย่างใน"กทม."

ก่อนหน้านั้น "จักรทิพย์" เอง ก็มีความพยายามเดินสายออกงาน และต่อสายคุยกลุ่มต่างๆ เพื่อให้มาสนับสนุน ซึ่งมีทั้งเสียงตอบรับ และที่ไร้เสียงตอบรับ

อย่างไรก็ตาม "จักรทิพย์" ยังมีเวลาแต่งตัวเสริมหล่อ เพื่อเป็นตัวเลือกให้คนกรุง โดยไทม์ไลน์ที่มีการระบุกันไว้คือ ตุลาคม 2564 จะมีการเลือกตั้ง "ผู้ว่าฯกทม." เมืองที่มีรายละเอียด ซับซ้อนและแตกต่างจากที่อื่นๆ

"จักรทิพย์" ที่ยังใหม่ในเวทีการเมือง ก็น่าจะรู้ถึงบริบทของ กทม.เป็นอย่างดี ว่ามีเงื่อนไขมากมาย สนามนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายของอดีตนายตำรวจใหญ่

ที่สำคัญกระแสของ "จักรทิพย์" รวมถึง "พลังประชารัฐ" นั้นยังป็อปปูลาร์ สำหรับคนกรุงหรือไม่

ขณะที่หลายแวดวง มีการพูดกันว่า นอกจาก "จักรทิพย์" จะเล็งเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.เอาไว้ แต่เขาก็ยังมีตัวเลือกที่น่าสนใจ เผื่อเหลือ เผื่อขาด และดูจะใหญ่กว่าเก้าอี้  "ผู้ว่าฯ เมืองหลวง" เสียด้วย