ปั้นคอนเทนต์เสริม "DotPlay" ดัน 'เอ็นเตอร์เทนเมนท์เทค' ระดับโลก

ปั้นคอนเทนต์เสริม "DotPlay" ดัน 'เอ็นเตอร์เทนเมนท์เทค' ระดับโลก

"สโตเรจซิตี้ แพลตฟอร์ม" จับมือ "ไวท์เมจิก ครีเอชั่น" ปั้นคอนเทนต์เสริม DotPlay มุ่งสู่ Entertainment Tech ระดับโลก

160908022575

นายศุภสรร ด้วงชนะ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตเรจซิตี้ แพลตฟอร์ม จำกัด  กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจในเครือสโตเรจซิตี้ แพลตฟอร์ม ประกอบด้วย 4 หน่วยธุรกิจด้วยกัน ได้แก่ DotLive, DotPlay, DotIO และ DotAris ที่บริษัทเพิ่งแถลงข่าวการควบรวมกิจการกับ ArisLab ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว สำหรับ DotPlay ถือเป็นแอปพลิเคชันแรกของโลกที่มุ่งมั่นดูแล Fan-Club สร้าง Celebrity ในด้านต่างๆ ด้วยฟังก์ชันที่ฉีกทุกขีดจำกัด ด้านพื้นที่เก็บข้อมูล การ Live ที่รองรับคนดูหลักล้าน การประชุมทางไกลที่สามารถออกมติ การประชุมตามกฏหมายได้ DotPlay วางแผนเปิดตัว เร็วๆ นี้ พร้อมกลยุทธ์ทางการตลาด ที่คว้าเหล่า Youtuber และ Creator ชั้นนำ เข้าสู่ระบบอย่างรวดเร็ว ด้วยคอนเซ็ปต์ App คนไทย เพื่อคนไทย การจ่ายเร็วผ่านธนาคารไทย และยุติธรรมสำหรับคนไทย

ด้าน หม่อมหลวง ภัทรสุดา กิติยากร กรรมการบริหาร บริษัท ไวท์เมจิก ครีเอชั่น จำกัด กล่าวว่า สโตเรจซิตี้ แพลตฟอร์ม เป็นสตาร์ทอัพที่เติบโตอย่างรวดเร็วอันดับต้นๆ ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงสื่อออนไลน์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียเป็นอันดับต้นๆ ของโลก  



ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บริษัทเล็งเห็นถึงศักยภาพและโอกาสการเติบโตทางธุรกิจอีกแขนงหนึ่งในส่วนของการผลิตคอนเท้นท์รวมไปถึงการประชาสัมพันธ์และการตลาดครบวงจรให้กับ DotPlay เพื่อป้อนคอนเท้นท์คุณภาพออกสู่ตลาด Entertainment Tech ระดับประเทศ และระดับโลกในอนาคต

ทั้งนี้ สโตเรจซิตี้ แพลตฟอร์ม เติบโตแบบก้าวกระโดดมากว่า 20,000% ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี และกำลังเป็นที่จับตามองถึงการเตรียมเป็น Unicorn ตัวแรกของประเทศไทย ด้วยผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนผู้ประกอบการไทยสู่การทำธุรกิจอย่างชาญฉลาดและเติบโตอย่างมั่นคงได้ในยุคดิจิทัล

“สโตเรจซิตี้ แพลตฟอร์ม  คือผู้ให้บริการด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการเก็บข้อมูลและการลงทุนที่มีศักยภาพความพร้อมในการตอบสนองด้าน Big Data สำหรับการค้าและการลงทุน เพราะข้อมูลที่มีประโยชน์คือหัวใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มีความซับซ้อนได้อย่างตรงจุด แม้หลายธุรกิจในโลกจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่บริษัทยังคงเติบโตแบบก้าวกระโดดที่ 2,200 ล้านบาท หรือขยายตัวถึง 10 เท่า ภายในเวลาเพียง 10 เดือนเท่านั้น และคาดว่าสิ้นปี 2563 นี้ จะมีรายได้รวมที่ 2,500 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้” นายศุภสรร กล่าวทิ้งท้าย